ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เปโตรนาสบริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซีย ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ในนาม PCML บริษัทลูกที่จดทะเบียนในฮ่องกง ขอใช้สิทธิตามสัญญาว่าด้วย การระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติเนื่องด้วยมีเหตุอันคาดไม่ถึง (Force Majeure) ขอระงับการขุดเจาะ ผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเยตากุน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป
สำหรับการแถลงการณ์ระบุเหตุผลที่ขอระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติ เป็นการฉุกเฉินเนื่องจากปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้มีปริมาณต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานการผลิตขั้นต่ำ ซึ่งเริ่มปรากฏขึ้นในเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา และปริมาณการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การแปลงก๊าซธรรมชาติที่ระงับการผลิตในทะเลอันดามัน ประกอบด้วยแปลง M12 M13 และ M14
หัวหน้าคณะผู้บริหาร PCML ในเมียนมา แถลงว่า การดื้อดึงเดินหน้าผลิตก๊าซธรรมชาติต่อไป ทั้งๆ ที่ผลผลิตต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อสินทรัพย์ของบริษัท รวมทั้งความมั่นคงของพนักงาน จึงเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารที่จำเป็นต้องขอระงับการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในแหล่งเยตากุน เป็นการฉุกเฉิน
CRPH องค์กรของกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมียนมาที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ได้ทำหนังสือถึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเปโตรนาส เรียกร้องให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซียระงับการทำธุรกิจกับบริษัทที่เอื้อประโยชน์ทางการเงินให้กับกองทัพเมียนมา
อย่างไรก็ตามเปโตรนาส ลงทุนในโครงการแหล่งก๊าซธรรมชาติเยตากุน ตั้งแต่ปี 2546 เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด 49 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย Myanma Oil and Gas Enterprise 20.5 เปอร์เซ็นต์ Nippon Oil Exploration Myanmar และ ปตท.สผ. (PTTEP International) ถือหุ้นเท่ากันบริษัทละ 19.3 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเมียนมา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำ คือ สำรวจและผลิตแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลอันดามัน เป็นแหล่งรายได้สำคัญของกองทัพและรัฐบาลเมียนมา บรรษัทต่างชาติเหล่านี้จึงถูกกดดันจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในเมียนมา ให้ระงับการทำธุรกิจเพื่อตัดแหล่งรายได้หล่อเลี้ยงกองทัพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง