“Sunne” หลอดไฟเป๊ะปัง พลังแสงอาทิตย์ 

12 เม.ย. 2564 | 02:30 น.
อัปเดตล่าสุด :12 เม.ย. 2564 | 09:35 น.

 

แสงแดดเป็นพลังงานสะอาดที่มีเหลือเฟือ บางพื้นที่มีแสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งวัน แต่ในบางพื้นที่ แสงแดดก็มีเวลาอันจำกัด ถ้าหากคิดจะนำแสงแดดมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ก็อาจจะต้องวางแผนให้ดีว่าจะกักเก็บแสงแดดเอาไว้ใช้นานๆ ได้อย่างไร

โจทย์นี้เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ “ซันนี” (Sunne) ผลงานการออกแบบของมาร์จัน ฟาน ออเบล นักออกแบบจากเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เธอสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เพราะเห็นว่าแสงแดดนั้นเป็นพลังงานที่มีให้ใช้ทุกวัน แถมเป็นของฟรี แต่ทำอย่างไรเธอจึงจะสามารถกักเก็บแสงแดดในแต่ละวันให้ได้มากพอที่จะนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ

มาร์จันคิดถึงโคมไฟหรือหลอดไฟให้แสงสว่างเป็นอันดับแรก เธอนึกออกแบบ “โคมไฟ” หน้าตาเหมือนหลอดไฟยาวๆ มนๆ ที่เวลากลางวันก็เพียงนำไปแขวนไว้ที่หน้าต่าง เพื่อให้โคมของเธอรับแสงแดดที่เจิดจ้าอย่างเต็มที่ในเวลากลางวัน พลังงานจากแสงแดดที่ถูกแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าจะถูกกักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ลูกเล็ก ๆที่ฝังอยู่ภายในโคม จากนั้นพอตกกลางคืน โคมไฟของเธอก็จะเปล่งแสงสว่างออกมา

“Sunne” หลอดไฟเป๊ะปัง พลังแสงอาทิตย์ 

“Sunne” หลอดไฟเป๊ะปัง พลังแสงอาทิตย์ 

โคมไฟ หรือหลอดไฟ “ซันนี” จะให้แสงสว่างออกมาเองโดยอัตโนมัติเมื่อแสงภายในห้อง หรือแสงในบรรยากาศโดยรอบริบหรี่หรือสลัวลง โดยหลอดโคมจะเปล่งแสงเรืองออกมา แต่ถ้าหากต้องการปิดไฟ ก็สามารถปิดสวิตช์โคมได้เลย

นักออกแบบผู้นี้กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดโคมไฟผ่านระบบสั่งการด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่

ทั้งนี้ โหมดแสงไฟมี 3 โหมดหลัก คือ ตอนเช้าให้แสงสีม่วงกระตุ้นให้ตื่น หรือแสงสีเหลืองให้ความคึกคักสดใสยามเช้า ส่วนแสงนวลๆ เหมือนแสงแดด ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะกับการใช้เป็นแสงอ่านหนังสือ

 

“Sunne” หลอดไฟเป๊ะปัง พลังแสงอาทิตย์ 

เป้าหมายการออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ คือความคงทน ใช้งานได้อย่างยาวนานและยั่งยืน ตัวหลอดไฟ LED คุณภาพสูงใช้งานได้ยาวนานขณะที่ตัวโครงอะลูมิเนียมก็มีความคงทน มาร์จันต้องการให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปีนี้ สะท้อนความเก๋ในรูปแบบ ใช้งานได้ดี ผสานกับเทคโนโลยีเพื่อโลกและสิ่งแวดล้อม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 24 ฉบับที่ 3,668 วันที่ 8 - 10 เมษายน พ.ศ. 2564