นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ดำเนินการและปรับเพิ่มมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ให้เข้มข้นมากขึ้น ตามแนวทางปฏิบัติกรมควบคุมโรค และมาตรฐานสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข โดยธนาคารได้ดำเนินการบิ๊กคลีนนิ่ง (Big Cleaning) ฉีดพ่นฆ่าเชื้อพื้นที่ๆ มีพนักงานปฏิบัติงานจำนวนมาก 5 อาคาร ประกอบด้วย อาคารสำนักงานใหญ่ (ชั้น 1-30) อาคารตรีทิพย์ (ชั้น 1, 3 และ 6) อาคาร 3 บนถนนสีลม
อาคารแสงทางธานี (ชั้น B, 1-2 และ 23-32) บนถนนสาทร และอาคารพระราม 3 ทุกพื้นที่ บนถนนพระราม 3 ในช่วงวันหยุด 13-15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารสำนักงานใหญ่ที่เพิ่งจัดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อให้พนักงานที่จะกลับเข้ามาทำงาน และลูกค้าที่มาใช้บริการ มีความมั่นใจในความสะอาด และปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19
“สำหรับสาขาหรือสำนักงานที่มีพนักงานหรือลูกค้าที่ติดเชื้อเข้ามาใช้บริการ ธนาคารจะปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามมาตรการปฏิบัติกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขทันทีที่ได้รับการยืนยัน เช่นเดียวกับพนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย จะต้องตรวจเชื้อและกักตัวเองในที่พักทันที (Self-Quarantine at Home) ตามระยะเวลามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงได้จัดให้มีพนักงานซึ่งไม่เกี่ยวข้องสัมผัสเชื้อเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน”
ทั้งนี้ ธนาคารยังได้มีประกาศมาตรการต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงเพิ่มเติม ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการของสาขาธนาคารทั่วประเทศ สำหรับสาขาที่ปิดให้บริการเวลา 16.00 น. และ 16.30 น. จะปรับเป็นปิดให้บริการเวลา 15.30 น. และสาขาที่ปิดให้บริการเกินเวลา 17.00 น. จะปิดให้บริการเวลา 17.00 น. ที่มีผลตั้งแต่วันนี้ (16 เมษายน 2564) เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
พร้อมขอจำกัดช่องให้บริการและจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการสาขาในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเว้นระยะห่างที่เหมาะสม สอดคล้องตามประกาศของสมาคมธนาคารไทย ควบคู่กับมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งการเว้นระยะห่าง การจัดฉากกั้น การตรวจวัดอุณภูมิ การจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และการสแกน QR Code เพื่อบันทึกการเข้าใช้บริการ ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางส่วนมีข้อจำกัดในการใช้บริการที่สาขาบ้าง ธนาคารจึงขอแนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของธนาคาร เช่น
โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank Mobile Banking) บริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้ง (Bualuang iBanking) เครื่องบัวหลวงเอทีเอ็ม (ATM) และเครื่องบัวหลวงรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกได้อย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอาจพิจารณาใช้บริการผ่านช่องทางอื่นตามความสะดวกและใกล้บ้าน เพื่อลดการเดินทาง เช่น บัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 0-2645-5555 และบริการตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ที่เทสโก้ โลตัส และเซเว่นอีเลฟเว่น รวมถึงบริการรับชำระสินค้าและบริการผ่านระบบคิวอาร์โค้ด (QR Code) เป็นต้น
“ธนาคารได้ปรับสัดส่วนพนักงานให้ปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from Home) ให้สูงขึ้น และดำเนินงานตามแนวทาง Split Site/Split Team อย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออื่น ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยสนับสนุนให้ใช้ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ สำหรับการปฏิบัติงานและการประชุมให้มากขึ้น ซึ่งในวันนี้ธนาคารจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเน้นย้ำให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ของธนาคารทุกคนยกการ์ดให้สูงไว้ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 แต่ที่สำคัญต้องปฏิบัติให้สม่ำเสมอและมีวินัย”
ขณะเดียวกัน ธนาคารต้องหาวิธีจัดการเพื่อให้ยังคงให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง กระทบต่อการบริการลูกค้าให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้น หลายมาตรการที่ธนาคารจำเป็นต้องบังคับใช้ อาจทำให้ลูกค้าบางส่วนเกิดความไม่สะดวกสบายบ้าง
สำหรับลูกค้าที่ต้องการตรวจสอบรายชื่อสาขาธนาคารที่หยุดให้บริการบางแห่งเป็นการชั่วคราว เพื่อร่วมป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรายละเอียดประกาศต่างๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ เว็บไซต์ www.bangkokbank.com รวมถึงสามารถติดตามข้อมูลอื่นๆ ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง อาทิ Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :