นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยวันนี้ (4 พ.ค.) ว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ในขณะนี้ได้มีการประกาศให้บางจังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้ประชาชนตื่นตัวที่จะ ป้องกันและสังเกตอาการตนเอง มากขึ้น
จาก ผลการสำรวจอนามัยโพล เมื่อวันที่ 22 – 29 เมษายน 2564 เกี่ยวกับ วิธีการประเมินอาการและความเสี่ยงของประชาชนต่อการเป็นโรคโควิด-19 จำนวน 6,280 คน พบว่า
นอกจากนี้ ยังพบว่า วิธีที่ประชาชนคิดว่าจะทำหากมีอาการผิดปกติหรือเมื่อประเมินตนเองแล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูงมาก คือ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กลุ่มที่ควรต้องหมั่นสังเกตอาการและเฝ้าระวังตนเองอยู่เสมอ ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป เนื่องจากเป็น กลุ่มเปราะบางเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ และติดเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งอาจมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น
ทั้งนี้ การป้องกันตนเองที่ดีที่สุด คือการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงออกจากบ้าน รักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีในการติดต่อกับผู้อื่น ล้างมืออย่างถูกวิธีด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลังเข้าส้วม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ๆ หากกินอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัว และไม่พูดคุยกันขณะกินอาหาร ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการหวัด มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอาศัยอยู่ภายในบ้านร่วมกัน ขอความร่วมมือในการลดการแพร่กระจายเชื้อจากตนเองไปสู่บุคคลอื่น โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
1) หยุดงาน หยุดเรียน ไม่ออกไปนอกบ้านหรือที่พักอาศัย ไม่เดินทางไปที่ชุมชนหรือที่สาธารณะอย่างน้อย 14 วัน
2) หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่น อยู่ห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่า 1 - 2 เมตร หากจำเป็นต้องสัมผัสใกล้ชิดต้องสวมหน้ากากอนามัย และใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ไม่คลุกคลีกับเด็กและผู้สูงอายุในบ้านโดยเด็ดขาด
3) สังเกตอาการตัวเองและวัดไข้ทุกวัน หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการผิดปกติทางผิวหนัง ไอ หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ให้รีบไปพบแพทย์
4) ในแต่ละวันให้รวบรวมขยะ หน้ากากอนามัยไว้ในถุง ก่อนทิ้งให้ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ก่อนใส่ถุงอีกชั้น ปิดปากถุงให้สนิท
5) แยกห้องนอน ห้องน้ำให้ชัดเจน ให้แยกห่างจากกลุ่มเปราะบางหรือผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังให้มากที่สุด พร้อมทั้งแยกอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว แยกการกินอาหารและการใช้ห้องน้ำห้องส้วมออกจากผู้อื่น
แต่หากไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงสูงให้ใช้เป็นคนสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดให้เรียบร้อย เปิดประตูหน้าต่าง เพื่อให้มีการระบายอากาศสู่ภายนอกเป็นระยะ และปิดประตูด้านที่เชื่อมต่อกับคนอื่นภายในบ้าน จะเปิดได้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง