ข้อแนะนำจากกรมอนามัย ต้องทำตัวอย่างไร เมื่ออยู่ร่วมบ้านกับผู้มีความเสี่ยง(โควิด)สูง   

04 พ.ค. 2564 | 03:36 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ค. 2564 | 10:43 น.

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจอนามัยโพล พบประชาชนส่วนใหญ่ใช้วิธีสังเกตอาการตนเองประเมินความเสี่ยงโควิด-19 พร้อมแนะนำต้องทำตัวอย่างไรหากอยู่ร่วมบ้านกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยวันนี้ (4 พ.ค.) ว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ในขณะนี้ได้มีการประกาศให้บางจังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้ประชาชนตื่นตัวที่จะ ป้องกันและสังเกตอาการตนเอง มากขึ้น

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย

จาก ผลการสำรวจอนามัยโพล เมื่อวันที่ 22 – 29 เมษายน 2564 เกี่ยวกับ วิธีการประเมินอาการและความเสี่ยงของประชาชนต่อการเป็นโรคโควิด-19 จำนวน 6,280 คน พบว่า

  • ประชาชนส่วนใหญ่ (65.4%) ใช้วิธีสังเกตอาการตนเอง เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจหอบ ตาแดง ผื่นขึ้น
  • รองลงมาคือ 17.3% ใช้เครื่องวัดไข้
  • ส่วนที่เหลือ 10.6% ใช้วิธีทดสอบว่าจมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส

นอกจากนี้ ยังพบว่า วิธีที่ประชาชนคิดว่าจะทำหากมีอาการผิดปกติหรือเมื่อประเมินตนเองแล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูงมาก คือ

  • ไปพบแพทย์ทันที (55.6%)
  • รอดูอาการที่บ้าน หากไม่ดีขึ้น จึงไปพบแพทย์ (20.9%)
  • โทรไปปรึกษาแพทย์หรือใช้ช่องทางออนไลน์ปรึกษา (20.6%)

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กลุ่มที่ควรต้องหมั่นสังเกตอาการและเฝ้าระวังตนเองอยู่เสมอ ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป เนื่องจากเป็น              กลุ่มเปราะบางเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ และติดเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งอาจมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น               

ทั้งนี้ การป้องกันตนเองที่ดีที่สุด คือการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงออกจากบ้าน รักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีในการติดต่อกับผู้อื่น ล้างมืออย่างถูกวิธีด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง  ก่อนกินอาหารและหลังเข้าส้วม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เลือกกินอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ ๆ หากกินอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัว และไม่พูดคุยกันขณะกินอาหาร ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ  และหลีกเลี่ยงไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการหวัด มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก

นอกจากนี้ ในกรณีที่มีผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอาศัยอยู่ภายในบ้านร่วมกัน ขอความร่วมมือในการลดการแพร่กระจายเชื้อจากตนเองไปสู่บุคคลอื่น โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1) หยุดงาน หยุดเรียน ไม่ออกไปนอกบ้านหรือที่พักอาศัย ไม่เดินทางไปที่ชุมชนหรือที่สาธารณะอย่างน้อย 14 วัน

2) หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่น อยู่ห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่า 1 - 2 เมตร หากจำเป็นต้องสัมผัสใกล้ชิดต้องสวมหน้ากากอนามัย และใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ไม่คลุกคลีกับเด็กและผู้สูงอายุในบ้านโดยเด็ดขาด

3) สังเกตอาการตัวเองและวัดไข้ทุกวัน หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการผิดปกติทางผิวหนัง ไอ หรืออาการทางระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ให้รีบไปพบแพทย์

4) ในแต่ละวันให้รวบรวมขยะ หน้ากากอนามัยไว้ในถุง ก่อนทิ้งให้ใส่น้ำยาฟอกขาว 2 ฝา ก่อนใส่ถุงอีกชั้น ปิดปากถุงให้สนิท

5) แยกห้องนอน ห้องน้ำให้ชัดเจน ให้แยกห่างจากกลุ่มเปราะบางหรือผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังให้มากที่สุด พร้อมทั้งแยกอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว แยกการกินอาหารและการใช้ห้องน้ำห้องส้วมออกจากผู้อื่น

แต่หากไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงสูงให้ใช้เป็นคนสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดให้เรียบร้อย เปิดประตูหน้าต่าง เพื่อให้มีการระบายอากาศสู่ภายนอกเป็นระยะ และปิดประตูด้านที่เชื่อมต่อกับคนอื่นภายในบ้าน จะเปิดได้เมื่อจำเป็นเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง