วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม เร่งสำรวจความต้องการการฉีดวัคซีนโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในสถานประกอบการ ผ่านระบบ e –Service บนเว็บไซต์ www.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในปัจจุบัน ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานถึงการณ์ดังกล่าว เนื่องจากในแต่ละวันมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการทำงานในการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดก่อนตามลำดับ กระทรวงแรงงาน
ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งสำรวจความต้องการการฉีดวัคซีนโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในสถานประกอบการที่มีอยู่จำนวน 11 ล้านคน ซึ่งเหตุผลในการสำรวจในครั้งนี้ เพื่อทำให้ทราบข้อมูลตัวเลขที่แท้จริงว่าผู้ประกันตนต้องการฉีดวัคซีนทั้งหมดจำนวนเท่าใด
เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่แรงงานในสถานประกอบการให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เนื่องจากหากให้ลูกจ้างลงทะเบียนเอง นายจ้างจะไม่สามารถรู้ข้อมูลว่าลูกจ้างในสถานประกอบการฉีดวัคซีนไปแล้วเท่าใด เมื่อข้อมูลการฉีดวัคซีนของลูกจ้างในสถานประกอบการเดียวกันรวมกันไม่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ก็จะทำให้ไม่สามารถเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ซึ่งจะส่งผล ในภาพรวมให้สามารถเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ให้เบาบางลงได้โดยเร็ว
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการกระจายวัคซีนไปให้ผู้ประกันตนในสถานประกอบการนั้น ขณะนี้ระบบ e –Service บนเว็บไซต์ www.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคม มีข้อมูลผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวนประมาณ 11 ล้านคน ได้ส่งข้อมูลมาแล้วประมาณ 6.5 ล้านคน ซึ่งผู้ประกันตนส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต้องการฉีดวัคซีน ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องการฉีด โดยกระทรวงแรงงานจะส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับวัคซีน ในอันที่จริงกระทรวงแรงงานมีความพร้อมในการที่จะรับวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขมาดำเนินการฉีดให้กับผู้ประกันตนในสถานประกอบการเอง
“เรามีทีมหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมที่มีศักยภาพเพียงพอ นอกจากนี้ ผมยังได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ ทั้ง 12 เขต ได้ไปดำเนินการหาพื้นที่ที่จะฉีดวัคซีนเขตละ 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 24 แห่ง ดังนั้น เราคิดว่ากระทรวงแรงงาน เรามีความพร้อมที่จะรับวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อมาดำเนินการเข้าไปฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในสถานประกอบการเองได้ทันที”