วันนี้ (19 พ.ค.64) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะเดินทางตรวจพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนรอยต่อประเทศเมียนมาร์ เพื่อรับฟังปัญหา พร้อมวางมาตรการคุมเข้มการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า เส้นทางสำคัญในการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เช่น แนวด่านสิงขร อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแนวชายแดนทะเล และ อ.สังขละ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่า มีชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมา ยาวกว่าหลายร้อยกิโลเมตร ง่ายต่อการลักลอบเข้าประเทศ โดยเฉพาะการเดินเท้าผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ยากต่อการที่หน่วยงานความมั่นคงจะลาดตระเวนได้ทั่วถึง
ตั้งเเต่เกิดการระบาดโควิดระลอก 2 ที่พบว่ามาจากแรงงานพม่าลักลอบเข้าเมือง สำนักงานตำรวจเเห่งชาติได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค.) เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีการทำงานใน 2 มิติควบคู่กันไป
มิติที่หนึ่ง คือการสกัดกั้นโดยทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจพื้นที ตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายปกครอง มีการตั้งจุดตรวจพื้นที่แนวชายแดนทั่วประเทศ กว่า 300 จุด ,จุดตรวจสกัดกั้นพื้นที่ตอนใน 592 จุด และชุดเคลื่อนที่เร็ว 1,769 ชุด ทำหน้าที่ลาดตระเวน สกัดต่างด้าวที่หลบจุดตรวจ
อีกมิติ คือ การสืบสวนขยายผลกระบวนการลักลอบขนแรงงาน ซึ่งตั้งแต่ 1 ม.ค. จนถึงปัจจุบันมีการจับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแล้ว 9,233 ราย นำหรือพาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 206 ราย ช่วยเหลือหรือซ่อนเร้น 166 ราย นายจ้างกระทำความผิด 15 ราย และ จับกุมเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวที่สำคัญ 13 เครือข่าย เช่น เครือข่ายเจ๊เพชร สมุทรสาคร เครือข่ายเจ๊ดา ดอนเมือง เครือข่ายกะพ้อ-ยะหริ่ง เป็นต้น
ส่วนกรณีที่ตกเป็นข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี พล.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นประธาน และมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานความมั่นคงเป็นผู้กำกับ ดูแลในภาพรวม
ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ข้าราชการตำรวจ จำนวน 29 นาย
- ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงไปแล้ว (อยู่ระหว่างการสอบสวน) จำนวน 4 นาย
- ถูกตั้งกรรมการสืบสวน (อยู่ระหว่างการสืบสวน) จำนวน 18 นาย
- อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ตร. เพื่อส่งเรื่องให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัย จำนวน 7 นาย
2.ข้าราชการฝ่ายอื่นจำนวน 5 นาย อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
แม้กลุ่มนายหน้าจะมีความพยายามลักลอบขนแรงงานเข้ามา ด้วยปัจจัยที่ดึงดูดหลายประการ ทั้งเรื่องค่าแรงที่สูงกว่า และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้าน ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยก็ยังคงเร่งปราบปรามอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ได้กำชับเพิ่มความเข้มในการหาข่าวจากภาคประชาชน วางแผนสกัดกั้นร่วมกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ส่วนพื้นที่ตอนใน โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งมีความต้องการแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ตามมติ ครม. 29 ธ.ค.63 ให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียนทำงานอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ 15 ม.ค. ถึง 13 ก.พ.64 หากต่างด้าวยังไม่มาขึ้นทะเบียนจะถือว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ตำรวจพื้นที่ และตรวจคนเข้าเมือง กวดขันจับกุม และป้องกันผู้ที่ลักลอบเข้ามาใหม่ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ โดยหากมีการจับกุมจะทำการขยายผลถึงกระบวนการนำพาทุกราย
ส่วนโครงการ Organiational Quarantine (OQ) ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 อนุมัติงบประมาณประจำปี 2564 ใช้กองร้อย ตชด.จัดทำ OQ จำนวน 14 แห่ง ในพื้นที่ 10 จังหวัด ทั่วประเทศ ได้แก่ จันทบุรี สระแก้ว หนองคาย เชียงราย ตาก กาญนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และ สงขลา เพื่อใช้เป็นสถานที่กักกันแรงงานต่างด้าวและผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรการทางสาธารณสุข ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ หรือกักตัวระหว่างรอพิจารณาคดี ซึ่งพบว่ามีความพร้อมใช้งานได้ดี
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ย้ำว่า ปัญหาเรื่องการลักลอบเข้าเมืองนั้นอาจนำเชื้อโควิด สายพันธุ์อินเดีย ซึ่งแพร่มาจากประเทศที่มีรอยต่อกับเพื่อนบ้าน คือ เมียนมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงท่านมีความห่วงใยในเรื่องนี้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้มแข็งทำงานบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง