ชาวปทุมธานีร้องศาลปกครองสั่งรื้อถอน“โครงการบ้านมั่นคง”ริมคลองเปรมฯ

วันนี้(28 พ.ค.64) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วย น.ส.ยุพิน แสงลุ่ม ตัวแทนชาวชุมชนวัดรังสิต ชุมชนหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี นำรายชื่อชาวบ้าน 125 คน เข้ายื่นฟ้องอธิบดีกรมธนารักษ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ  ผู้บัญชาการกองทัพบก อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอเมืองปทุมธานี  ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 11 และ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รวม 8 ราย  ต่อศาลปกครองกลาง

ในข้อหาร่วมกันดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี เพื่อจัดระเบียบ และแก้ไขปัญหาสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ โดยใช้อำนาจมิชอบด้วยกฎหมายและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไล่รื้อชาวบ้านที่ปลูกบ้านอยู่ริมคลองเปรมประชากร บริเวณชุมชนวัดรังสิต ชุมชนหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่พลเมืองใช้ร่วมกันออกไป แล้วนำพื้นที่ริมคลองดังกล่าวไปให้ สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เช่า 30 ปี เพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคงทับบนพื้นที่คลอง ทำให้ขัดขวางการระบายน้ำในโครงการ 

โดยขอให้ศาลสั่งเพิกถอนทะเบียนที่ดินชายตลิ่งคลองเปรมประชากร บริเวณหมู่ที่ 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ในส่วนที่บุกรุกเข้าไปในคลองเปรมประชากร ออกจากสาระบบขึ้นทะเบียนของกรมธนารักษ์  สั่งให้กรมธนารักษ์ยกเลิกสัญญาที่ให้สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เช่าที่ดินชายตลิ่งดังกล่าว  
และ สั่งให้ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ยุติการดำเนินการใดในพื้นที่ และให้รื้อสิ่งปลูกสร้างในที่ดินชายคลองทั้งหมด รวมทั้งต้องคืนสภาพคลองเปรมประชากรให้มีความกว้าง 50 เมตรดังเดิม นอกจากนี้ ยังขอให้ศาลพิจารณาสั่งระงับการดำเนินการก่อสร้างโครงการบ้านมั่งคงในบริเวณดังกล่าว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคดีถึงที่สุด 

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการย้อนแย้งต่อนโยบายของรัฐบาล หรือ อาจจะใช้นโยบายของรัฐเป็นเพียงเครื่องมือบังหน้า แท้ที่จริงต้องการนำที่ดินสาธารณะมาแสวงหาประโยชน์ เพราะการสร้างบ้านมั่นคงไม่ใช่เพียงแค่ชาวบ้านต้องกู้เงินมาสร้างหลังละ 5 แสนบาท ผ่อนชำระ 20 ปีเท่านั้น 
แต่ยังมีการใช้เงินภาษีประชาชนไปอุดหนุนอีกหลังละเกือบ 1 แสนบาท ซึ่งมีเม็ดเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการนี้นับหมื่นล้านบาท จึงเป็นที่มาของความพยายามผลักดันโครงการบ้านมั่นคงขึ้นมา แม้จะผิดกฎหมาย แต่เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถืออำนาจรัฐอยู่ จึงย่ามใจ 
การใช้อำนาจรัฐดังกล่าว อย่าคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายได้ เพราะที่ชายตลิ่งนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า "สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง สะพาน" และผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 
จึงต้องมาฟ้องศาล เพื่อขอให้สั่งให้รื้อถอนการถมดิน และบ้านมั่นคงดังกล่าวออกไปเสียจากคลองเปรมประชากร