กทม. วางแนวทางคุมเข้ม “คลัสเตอร์โบ๊เบ๊” สแกนยิบตรวจเชิงรุกแรงงานต่างด้าว

21 มิ.ย. 2564 | 05:40 น.

กทม.วางแนวทางควบคุมโควิด-19 ใน“คลัสเตอร์โบ๊เบ๊” ร้านหรือแผงค้าที่มีผู้ติดเชื้อให้ปิดกิจการ 14 วัน และกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พร้อมตรวจหาเชื้อเชิงรุกในชุมชนที่พักแรงงานต่างด้าว

กทม.คุมเข้ม คลัสเตอร์โบ๊เบ๊ นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยวันนี้ (21 มิ.ย.) ว่า ได้ร่วมประชุมหารือติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และกลุ่มกรุงเทพกลาง สืบเนื่องจาก การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) เกิดขึ้นในย่านโบ๊เบ๊ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็น แรงงานต่างด้าว หรือชาวต่างชาติที่เป็นลูกจ้าง ซึ่งมีการอยู่อาศัยอย่างแออัด และมีโอกาสนำเชื้อมาติดนายจ้างหรือผู้ร่วมงานชาวไทย

ชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)

โดยที่ผ่านมา แรงงานกลุ่มนี้ มีข้อจำกัดในการสื่อสาร และการเข้าถึงการตรวจและรักษาพยาบาลต่าง ๆ ที่ประชุมจึงได้หาแนวทางร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอสนับสนุนการตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างด้าวซึ่งเป็นชาวต่างชาติโดยไม่จำกัดสิทธิในการรักษา ขอสนับสนุนการรักษาพยาบาล หรือขอให้มีโรงพยาบาลสนามสำหรับชาวต่างชาติ ขอให้พิจารณาสนับสนุนวัคซีนสำหรับพื้นที่แพร่ระบาด เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ สร้างความปลอดภัยทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ และเพื่อให้การค้าต่าง ๆ สามารถดำเนินการต่อไปได้

สำหรับ แนวทางในการควบคุมคลัสเตอร์ (Cluster) ย่านโบ๊เบ๊ ที่ประชุมมีข้อสรุป ดังนี้

  • ให้ผู้เกี่ยวข้อง เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้ค้ารับทราบแนวปฏิบัติต่าง ๆ ตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของตลาด ตลาดนัด ตลาดสด ที่กรุงเทพมหานครกำหนด
  • ในส่วนของการจัดทำทะเบียนผู้ค้า ให้เพิ่มเติมข้อมูลผลการตรวจหาเชื้อในทางเดินหายใจ (PCR) ครั้งล่าสุด และวันที่ตรวจ พร้อมทั้งจัดทำบัตรประจำตัวสำหรับผ่านเข้าออกพื้นที่ให้แก่ผู้ค้า ทั้งในส่วนของเจ้าของแผงค้า และลูกจ้างแผงค้าที่มีผลตรวจเป็นลบ
  • สำหรับผู้ที่ยังไม่มีผลตรวจ PCR ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจ PCR ให้เจ้าของแผงค้า ลูกจ้างทั้งชาวไทยและต่างด้าว
  • ประการสำคัญให้ประสานความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง และผู้ประกอบการในการตรวจสอบบัตรผ่านเข้า-ออกของผู้ให้บริการประจำแผงค้า รวมทั้งตรวจคัดกรองผู้ใช้บริการหรือผู้ที่ต้องการเข้าไปซื้อสินค้าด้วย
  • ทั้งนี้ หากร้านค้าหรือแผงค้าใดมีผู้ติดเชื้อให้ปิดกิจการ 14 วัน และกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดที่หน่วยงานราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
  • ในส่วนชุมชนโดยรอบ ให้สำรวจหอพัก หรือบ้านเช่าที่มีสภาพเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น มีผู้พักอาศัยจำนวนมาก มีการใช้ห้องน้ำรวม เป็นต้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 รวมถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด
  • ทั้งนี้ หากเป็นที่พักอาศัยของผู้ทำงานส่วนใหญ่ในย่านตลาดโบ๊เบ๊ อาจนำมาตรการ Bubble and Seal มาปรับใช้ โดยจะต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและผู้อยู่อาศัยก่อนการ Seal อย่างไรก็ดี หากที่พักดังกล่าวมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอาศัยร่วมอยู่ด้วย และไม่สามารถแยกกักได้ อาจจำเป็นต้อง Local Quarantine (LQ) เพิ่มเติม เพื่อแยกกักกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว

นายชาตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้ให้การสนับสนุนล่าม จากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดยให้สำนักงานเขตประสานผ่านกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย พร้อมให้สำนักงานเขตสำรวจผู้ประกอบการหรือลูกจ้าง โดยให้จัดทำรายชื่อแรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ ทั้งในอาคารโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ตลาดผลไม้ และแผงลอยบริเวณโดยรอบ เพื่อเตรียมการเข้าตรวจเชิงรุกเพิ่มเติม นอกจากนี้ ให้มีการลงพื้นที่ให้คำแนะนำด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้ประกอบการต่าง ๆ ให้ดำเนินกิจการต่าง ๆ ภายใต้มาตรการทางสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อต่อไป

สำหรับหน่วยบริการตรวจเชิงรุก COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วันนี้ ( 21 มิ.ย. 64) จะเริ่มให้บริการ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ดังมีจุดให้บริการตามแผนภาพด้านล่าง หรือสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละจุด ได้ที่ Facebook แฟนเพจของสำนักงานเขตพื้นที่ที่ให้บริการ

หน่วยบริการตรวจเชิงรุกของกทม.วันนี้ (21 มิ.ย.)

ผู้เข้ารับบริการต้องใช้เอกสารและอุปกรณ์ติดตัวมาด้วย ดังนี้

  • บัตรประจําตัวประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา
  • ปากกาส่วนตัวเพื่อใช้ลงทะเบียน (เลี่ยงการสัมผัสหรือส่งต่อ)

กรณีต้องการเอกสารรับรองผลการตรวจ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ ณ หน่วยตรวจ ในวันที่เข้ารับการตรวจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง