นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ ขับเคลื่อนตามนโยบาย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ให้หน่วยงานภาครัฐดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ให้ได้รับความสะดวกในการให้บริการ มีความเชื่อมั่น และรู้สึกปลอดภัยต่อสถานการณ์ปัจจุบัน การเคหะแห่งชาติจึงได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส ของผู้อยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติซึ่งคณะทำงานฯ ได้มีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ดังกล่าวในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
พร้อมมีมติให้เร่งดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสดังกล่าวในโครงการของการเคหะแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี และเชียงใหม่ จำนวน 857 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 854,093 ตารางเมตร พร้อมกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการอาคารเช่า จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง 1 และ 2 (อาคารแปลง G) โครงการอาคารเช่ามาตรฐานรองหนองจอก และโครงการเคหะชุมชนออเงิน จำนวน 99 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 65,097 ตารางเมตร โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ นอกจากจะดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัส 2019 ในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (อาคารแปลง G) แล้วยังได้มอบถุงยังชีพให้กับกลุ่มเปราะบางที่อาศัยอยู่ในโครงการ จำนวน 5 ชุด พร้อมติดตามความคืบหน้าการปลูกเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ของกลุ่มเกษตรอาสาพอเพียงอีกด้วย
ที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้ให้ความช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ทั้งผู้ติดเชื้อและผู้ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัว การเคหะแห่งชาติได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนแจกถุงยังชีพให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวภายในที่พักอาศัย จำนวน 414 ชุด แจกชุดเวชภัณฑ์ จำนวน 3,000 กล่อง ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ จำนวน 753 พื้นที่ แจกข้าวกล่อง จำนวน 37,148 ชุด พร้อมร่วมมือกับอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ นิติบุคคล ผู้นำชุมชน เพื่อติดตามข่าวสารของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ภายในชุมชน หากพบผู้ติดเชื้อก็จะประสานไปยังสาธารณสุขในพื้นที่ให้มารับผู้ติดเชื้อไปรักษาต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง