เริ่มวันนี้ (12 ก.ค.64) เป็นวันแรกสำหรับของการบังคับใช้มาตรการ “เคอร์ฟิว” และ “ล็อกดาวน์” ภายหลังจากข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27 ) ในข้อ 2 การห้ามออกนอกเคหสถาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นตามข้อ 4 ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพ ฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา
โดยห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 หรือ 2 สัปดาห์
พื้นที่ กทม. และปริมณฑล 6 จังหวัด มีมาตรการ ดังนี้
- WFH เต็มรูปแบบ
- ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ตลาด ปิด 20.00 - 04.00 น.
- ห้ามออกนอกเคหะสถาน 21.00-04.00 น.
- ห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมเกิน 5 คน
- สั่งปิดร้านนวด, สปา, สถานเสริมความงาม
- ขนส่งสาธารณะ ให้บริการ 03.00-21.00 น.
- สวนสาธารณะ ปิด 20.00 น.
- ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด (ยกเว้นกรณีจำเป็น)
เฉพาะมาตรการเริ่มตั้งแต่ 06.00 น. วันที่ 10 ก.ค.64 นอกจากนี้ยังขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จนถึง 30 ก.ย. 2564
ด่านตรวจสกัดเคอร์ฟิว
พื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งด่านตรวจทั้ง 88 จุดทั่วกรุงเทพฯ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น
หากพบว่ามีการเดินทางฝ่าฝืนในช่วงห้ามออกนอกเคหสถานก็จำเป็นต้องดำเนินคดีเป็นรายๆ ไป แต่ตำรวจจะดูเจตนาของแต่ละบุคคล ว่าจงใจกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปตรวจตาในพื้นที่ชุมชนต่างๆว่ามีการมั่วสุมหรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน
ปริมณฑล (ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) ตั้งจุดตรวจ 20 จุด
4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี) ตั้งจุดตรวจ 39 จุด
ใครที่ได้รับการยกเว้น ห้ามออกนอกเคหสถาน
หากมีความจำเป็นอื่น ให้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตามกฎหมายกำหนด