แอสตราเซเนก้า เลื่อนส่งมอบวัคซีนให้ไทย จาตุรนต์ จี้รัฐบาลเลือก 4 ทางออก

16 ก.ค. 2564 | 04:57 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2564 | 14:33 น.

แอสตร้าเซนเนก้า เลื่อนส่งมอบ วัคซีนโควิด ให้ไทย เป็น พ.ค.ปีหน้า จาตุรนต์ ฉายแสง ชี้เป็นเรื่องใหญ่ วิกฤติกำลังจะมา ตอกย้ำแผนวัคซีนล่ม จี้รัฐบาลนิ่งเฉยไม่ได้ ขอเร่งจัดหาวัคซีนทดแทน 60 ล้านโดสที่หายไป ก่อนเสียหายมหาศาล แนะ 4 ทางออกหาวัคซีนใหม่

16 ก.ค.2564  - นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กบัญชี Chaturon Chaisang วิพากษ์วิจารณ์ ถึงแผนบริหารจัดการวัคซีนโควิด19 ที่ผิดพลาดของรัฐบาล หลังจากวานนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ว่าการจัดส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวนถึง 61 ล้านโดส ซึ่งเดิมมีกำหนดส่งมอบให้รัฐบาลไทยภายในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่ถูกขยายไปเป็นเดือนพฤษภาคมปี 2564 ว่า....

 

แผนวัคซีนล่มแล้ว 
วิกฤตใหญ่กำลังจะมา  
รัฐบาลจะนิ่งเฉยไม่ได้  

รัฐบาลอนุมัติซื้อวัคซีนครั้งล่าสุด เป็นเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ตามแผนที่ลักไก่ประกาศมาทีละขั้นๆ รัฐบาลจะใช้วัคซีนซิโนแวคประมาณ 40 ล้านโด๊ส ซึ่งหมายความว่ายังจะให้อีกกว่า 30 ล้านโดส

 

แต่วงการแพทย์ก็พบว่าซิโนแวค ทำให้เกิดภูมิต้านทานไวรัสชนิดสายพันธุ์ต่างๆ ได้ไม่ดี ล่าสุดประชาชนก็ไม่ยอมรับและไม่ยอมฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้กันแล้ว

เท่ากับเราอาจไม่สามารถใช้วัคซีนซิโนแวค 30 กว่าล้านโดสนี้ตามแผนได้แล้ว

ล่าสุดที่ รมช.สาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่าแอสตราเซเนกาขยายเวลาส่งมอบเป็น พ.ค. 65 .. นี่เรื่องใหญ่มากที่น่าแปลกประหลาดมาก “ข้อแรก” คือ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมให้รัฐมนตรีช่วยฯ มาชี้แจงแทนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ หรือนายกรัฐมนตรี 

 

“ข้อที่สอง” รมช.สาธารณสุข บอกว่า ที่ทำสัญญากันไว้ไม่ได้กำหนดเวลาส่งมอบ ซึ่งก็แปลกประหลาดอีก และที่ขยายเวลาไปจนถึง พ.ค.65 ก็ไม่มี timeline ว่าจะส่งมอบเดือนไหนและจำนวนเท่าไหร่

คำนวณคร่าวๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าในปีนี้ แอสตราเซเนกา คงส่งมอบวัคซีนได้ประมาณครึ่งหนึ่งหรือ 30 ล้านโด๊ส จนถึงป่านนี้ยังไม่มีใครในรัฐบาลออกมาบอกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง ? 

 

มีคนเสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมาย ห้ามส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศจนกว่าจะส่งมอบให้ไทยได้ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ และ ไม่ทราบว่าถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะสามารถผลิดวัคซีนตามแผนที่ขยายเวลาออกไปได้หรือไม่ด้วย

บางคนก็เสนอให้ฟ้องแอสตราเซเนกา

แต่เมื่อไม่ได้กำหนดในสัญญาว่าจะต้องส่งมอบภายในเมื่อไหร่ ก็ไม่ทราบจะฟ้องว่ายังไง หากฟ้องได้ก็ไม่ทราบว่าฟ้องแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แอสตราเซเนกาก็คงไปไล่เบี้ยเอากับ สยามไบโอไซเอนซ์ ถ้าจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้รัฐบาลไทยก็คงต้องไปบังคับให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จ่ายเงินให้รัฐบาล แล้วถ้าสยามไบโอไซเอนซ์ไม่มีเงิน จะมีอยู่ 600 ล้านบาทก็เป็นเงินที่รัฐบาลให้ไป

กลายเป็นสยามไบโอไซเอนซ์ตกเป็นตัวประกันของเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

ทางออกในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นรัฐบาลจะหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดได้อย่างไรมากกว่า


เมื่อรวมวัคซีนซิโนแวค 30 กว่าล้านโดสที่มีปัญหากับแอสตราเซเนกาที่ถูกเลื่อนออกไปอีกประมาณ 30 ล้านโด๊ส หมายความว่าในปี 64 นี้เราจะขาดวัคซีนไปประมาณ 60 ล้านโดส ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก
เท่ากับแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลล่มแล้ว

ถ้าไม่รีบแก้ไข ไม่ว่าการจะฉีดให้ประชาชน 70% หรือแม้แต่ 50% ในปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้

 

สิ่งที่รัฐบาลต้องรีบทำด่วนที่สุดก็คือการหาวัคซีน 60 ล้านโดสมาแทนวัคซีนที่ขาดไป และถ้ายังไม่พอที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและเปิดประเทศได้ ก็อาจต้องหาวัคซีนมาให้มากกว่านั้นด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

 

1. เจรจากับแอสตราเซเนกาและสยามไบโอไซเอนซ์ว่าจะช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง

2. เข้าร่วมโครงการ COVAX เพื่อขอความร่วมมือช่วยหลือในการหาวัคซีนโดยอาจเริ่มจากการขอแลกวัคซีนอื่นกับซิโนแวค 30 ล้านโดสซึ่งสามารถใช้ในประเทศที่ไม่มีสายพันธุ์แรงๆ หรือรัฐบาลไทยอาจจะบริจาควัคซีนนี้ให้ประเทศยากจนไป แล้วขอให้ COVAX ช่วยหาช่องทางในการซื้อวัคซีนอื่นให้

3. รัฐบาลลงมือประสานติดต่อกับประเทศต่างๆ ที่มีวัคซีนคุณภาพ โดยใช้ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีต่อกัน ทั้งระหว่างรัฐต่อรัฐ รัฐกับเอกชนและเอกชนกับเอกชน รวมทั้งช่องทางทางธุรกิจเพื่อซื้อวัคซีนคุณภาพมาให้ได้มากที่สุดเร็วที่สุด วิธีนี้น่าจะได้วัคซีนมากกว่าที่ภาคเอกชนไทยทำอยู่อีกมาก

4.สั่งให้ อย. เป็นฝ่ายริเริ่มทำงานเชิงรุกรับรองวัคซีนคุณภาพยี่ห้อต่างๆ ให้มากขึ้นโดยเร็ว และรัฐบาลสนับสนุนให้ภาคเอกชนและหน่วยงานของรัฐนำเข้าวัคซีนคุณภาพเข้ามาได้โดยไม่จำกัดว่าจะซ้ำกับที่รัฐบาลนำเข้าหรือไม่ สั่งให้หน่วยงานของรัฐหยุดทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางภาคเอกชนและหันมาสนับสนุนให้บริการภาคเอกชนและประชาชน

 

สถานการณ์มาถึงขั้นนี้ เข้าขั้นวิกฤตสุดๆ แล้ว ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร ประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศเดียวที่ไม่ถึงกับยากจน แต่กลับจะรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยไม่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนส่วนใหญ่ไปอีกเป็นปี ซึ่งจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแน่นอน กลับจากสมุย รีบมาวางแผนได้แล้ว นายกรัฐมนตรี