จากมติคณะรัฐมนตรีล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาซึ่งได้อนุมัติกรอบวงเงินสำหรับโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 เพิ่มอีก 10,985.316 ล้านบาท หลังจากที่ได้เห็นชอบไปแล้ว 2,519.38 ล้านบาท รวมเป็น 13,504 .696 ล้านบาทนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนในส่วนของผู้ประกอบการนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนแรงงานกลุ่มอาชีพอิสระ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย 9 ประเภทกิจการ ในพื้นที่ 10 จังหวัด
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาลูกจ้าง นายจ้าง และผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33, ม.39 และ ม.40 ในครั้งนี้ เมื่อสำนักงานประกันสังคมได้รับจัดสรรเงินงบประมาณจากรัฐบาล และตรวจสอบข้อมูลถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน เว้นแต่นายจ้างมาตรา 33 ที่เป็นนิติบุคคลที่เคยผูกบัญชีกับธนาคารเอาไว้แล้วจะโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่แรก
รายละเอียดการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างตามมาตรา 33 กระทรวงแรงงานจะจ่ายเงินกองทุนประกันสังคมเป็นเงินเยียวยา 50% ของเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) โดยโอนเข้าบัญชีให้กับลูกจ้างที่กรอกมาในระบบ E-Service และรัฐบาลจะสมทบเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ผ่านพร้อมเพย์
ส่วนนายจ้างตามมาตรา 33 รัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาให้นายจ้าง 3,000 บาท ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน ผ่านพร้อมเพย์
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล 5,000 บาท โอนเงินผ่านพร้อมเพย์เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่า กระทรวงแรงงานจะสามารถโอนเงินช่วยเหลือรอบแรกได้ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้ผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ประกอบอาชีพอิสระขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 40 ตามลำดับ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เพื่อได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ และความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ประกันสังคม
ขณะนี้มียอดจำนวนผู้ประกอบการและผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ใน 9 หมวดกิจการ ของพื้นที่ 10 จังหวัด แบ่งเป็น ผู้ประกอบการ 161,839 ราย และลูกจ้างมาตรา 33 สัญชาติไทย จำนวน 2,871,592 ราย ที่เข้าสู่ระบบแล้ว
ส่วนอีก 3 จังหวัดที่ ศบค. ได้มีประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และอยุธยานั้น จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามลำดับต่อไป
สำหรับผู้ที่มีอาชีพอิสระที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีแต่ไม่เกิน 65 ปี ที่ยังไม่เคยเข้าระบบประกันสังคมมาก่อน สามารถลงทะเบียนมาตรา 40 เพื่อรับการช่วยเหลือและความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม ได้ง่ายขึ้น เพียงใช้บัตรประชาชนใบเดียวสมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) บิ๊กซี (Big C) หรือสมัครด้วยตนเองที่ www.sso.go.th โดยสามารถเลือกการจ่ายเงินสมทบเพื่อได้รับความคุ้มครองที่ต่างกันใน 3 ทางเลือก คือ จ่าย 70 บาท จ่าย 100 บาท และจ่าย 300 บาท ต่อเดือน ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองทันทีเมื่อชำระเงินงวดแรก
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงสั่งการให้เร่งช่วยเหลือโดยเร่งด่วน และในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.64) ท่านนายกจะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่3/2564 หารือสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รวมไปถึงมาตรการเยียวยาต่างๆด้วย