หลังเกิดกระแสการไลฟ์สด ของพิธีกรคนดัง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ที่ระบุว่าถูกเชิญให้ออกจากโรงพยาบาลแม้จะยังป่วยหนักด้วยโรคโควิด-19 จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียล
ล่าสุด นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหารตั้งโต๊ะ แถลงข่าว ผ่านทางช่องทาง Facebook โรงพยาบาลปิยะเวท โดยเปิดเผยว่า
สืบเนื่องมาจากกรณีที่มีกระแสข่าวดังโซเชียลมีเดียเรื่องกรณีการรักษาอาการเจ็บป่วยจากโควิด -19 ของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซึ่งได้เข้ามาพักรักษาตัวตั้งแต่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 วันที่ผ่านมาผู้ป่วยมีอาการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรงเป็นระยะ มีการใช้เครื่องช่วยหายใจเฉพาะช่วงเวลาที่อาการแย่ลงเท่านั้น ไม่ถึงขั้นใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ดูแลรักษาจนอาการดีขึ้นตามลำดับ
ในขณะที่ภาวะของโรคระบาดในกรุงเทพฯมีความรุนแรงขึ้น จำนวนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้นความขาดแคลนเนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากที่รอเข้ารับการรักษาโรงพยาบาล ทางฝ่ายบริหารของรพ. จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ป่วยทุกท่านที่อาการดีขึ้นโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไปพักรักษาตัวที่hospital ของ รพ.ที่มีเตียงรองรับกว่า 2500 เตียง หรือกลับไปพักฟื้นรักษาตัวที่บ้าน Home Isolation เพื่อเป็นการสละเตียงให้กับผู้ป่วยที่อาการวิกฤติกว่า
ด้วยการสื่อสารที่อาจจะทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนทั้งสองฝ่ายทั้งส่วนของ นพ.วิชัย ทวีปวรเดช รองผู้อำนวยการรพ. ปิยะเวท กับคนไข้เองจึงเกิดเรื่องที่เป็นไปตามกระแสข่าวในช่วง 1-2 วันนี้
ทั้งนี้รพ. ปิยะเวท มีการปรึกษาหารือและให้คนไข้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตามปกติ โดยมีคณะแพทย์ให้การรักษาเหมือนเดิมทุกประการ อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้(22 ก.ค. )เวลา 22:00 น คุณณวัฒน์ได้โทรเข้ามาพูดคุยในลักษณะที่ขออนุญาตไปพักที่บ้านตามความสมัครใจ ซึ่งทาง รพ. ได้อนุญาต หลังจากพิจราณาประวัติการรักษา และได้รับมอบหมายให้แพทย์ที่ดูแลประจำใช้เทเลเมดิซีนติดตามอาการและสุขภาพต่างๆของคุณณวัฒน์ ซึ่งคนไข้ได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าตรู่วันนี้
ในส่วนของ นพ.วิชัย ทวีปวรเดช ได้ยื่นขอพักร้อนระยะหนึ่งและจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ส่วนประเด็นคลิปเสียงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เผยแพร่ ส่วนการติดกล้องวงจรปิดในห้องพักผู้ป่วยจะพิจราณาเป็นรายกรณีเช่น อาการผู้ป่วยมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแพทย์จะเป็นร้องขอให้คนไข้เพื่อติดตามอาการ หรือคนไข้สามารถร้องขอให้เปิดกล้องวงจรปิด ส่วนข่าวลือที่ว่ามีการนำอุปกรณ์ออกกำลังกายเข้ามาในบริเวณห้องพักเพื่อออกกำลังกายและมีกิจกรรมในห้องพักนั้น เป็นเครื่องออกกำลังกายขนาดเล็กซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ทาง รพ. ไม่อนุญาตถ่ายรูปในโรงพยาบาลเป็นกฎทั่วไป แต่ในห้องส่วนตัว รพ.ไม่ได้มีข้อห้ามคนไข้ไลฟ์สดโดยตรง แต่มีกฎห้ามไม่ให้พาดพิงองค์กรและพาดพิงบุคคลที่ 3 หากมีคนไข้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากนพ.วิชัย จะฟ้องดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลของนพ.วิชัย เอง ส่วนรพ. ไม่คิดที่จะดำเนินคดีหรือเรียกร้องใดๆ เพราะนโยบายของรพ.ต้องดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งผู้ป่วยที่ไม่สบาย จิตใจอาจจะไม่พร้อมที่จะสื่อสารเต็มร้อย