นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำครั้งที่ 29/2564 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไทยอาจมีพายุจรในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค.2564 ประมาณ 2-3 ลูก
อิทธิพลลมพายุจะทำให้เกิดฝนตกอย่างสม่ำเสมอในประเทศไทย และมีฝนตกชุกในภาคตะวันตก ส่งผลให้น้ำไหลลงเขื่อนมากขึ้น ซึ่งการพยากรณ์ของกรมอุตุฯ มีการประเมินกันเกือบทุกสัปดาห์
ดังนั้นกรมชลประทานจึงต้องจับตาพายุ และสถานการณ์น้ำฝน เพื่อบริหารจัดการน้ำในเขื่อนไม่ให้กระทบกับประชาชนบริเวณใกล้เคียงกรณีมีน้ำมาก และเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในกรณีน้ำน้อย
ในช่วงนี้ถึง 2 ส.ค.จะมีอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ สปป.ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ทำให้บริเวณภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ทำให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำล้นตลิ่ง โดยในภาพรวมเดือน ส.ค.ต้องระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ใน 40 จังหวัด 170 อำเภอ และ538 ตำบล
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาโครงการชลประทานทั่วประเทศได้ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคัน บริเวณริมแม่น้ำ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมชุมชน
พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมชลประทานได้จำลองสถานการณ์กรณีมีฝนตกตามที่กรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไปจะมีปริมาณน้ำฝนสม่ำเสมอ
สถานการณ์น้ำไหลลงอ่างขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ ไว้ 7 รูปแบบ ณ วันที่ 1 พ.ย.2564
สำหรับรูปแบบที่ 1.กรณีมีน้ำมาก เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 58,399 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 82% ของความจุ
2.กรณีน้ำเฉลี่ยเขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 51,295 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 72% ของความจุ
3.กรณีน้ำน้อยเขื่อน จะมีน้ำปริมาณ 39,538 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 56% ของความจุ
4.กรณีน้ำปี 2539 เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 55,098 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 78% ของความจุ
5.กรณีน้ำปี 2551 เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 51,791 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 73% ของความจุ
6.กรณี One Map เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 46,421 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 65% ของความจุ
7.กรณีเลือกปี เขื่อนจะมีน้ำปริมาณ 52,038 ล้าน ลบ.ม.หรือประมาณ 73% ของความจุ
อย่างไรก็ตาม หากให้ประเมินสถานการณ์น้ำกรณีเลือกปี น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณฑ์ดีมีปริมาณน้ำตั้งแต่ 81-100% ขึ้นไปของความจุจำนวน 15 แห่ง ปริมาณน้ำตั้งแต่ 51-80% ของความจุ จำนวน 12 แห่ง ซึ่งถือว่าน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
ปริมาณน้ำตั้งแต่ 31-50% ของความจุ มีจำนวน 7 แห่ง ถือว่าปริมาณน้ำพอใช้ และปริมาณน้ำน้อยไม่เกิน 30% ของความจุจำนวน 1 แห่ง โดย 1 พ.ย.นี้ คาดมีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2563 อยู่ประมาณ 8,624 ล้าน ลบ.ม.
ซึ่งที่ผ่านมากรมชลประทานมองว่าสถานการณ์น้ำปี 2564 จะใกล้เคียงปี 2551 คือมีน้ำใช้การได้มากกว่าปี 2563 อยู่ปริมาณ 8,377 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเพียงพอสำหรับใช้ในฤดูแล้งหน้า จนกว่าฝนใหม่จะมา