นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต1 พรรคก้าวไกล (เดิมเป็นที่นั่ง นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ดีกรีผู้ท้าชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปตย์ หรือที่คนทั่วไปจะรู้จักในมือปราบทุจริตจำนำข้าว) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ได้ไปยื่นหนังสือหลังจากได้รับการร้องเรียนเป็นจำนวนมาก กรณีมีผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มที่ 3 โดยที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเสี่ยง หรือบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อตรวจสอบถึงกรณีดังกล่าว และชี้แจงกลับมาที่ผม ในเรื่องดังต่อไปนี้
1. จังหวัดพิษณุโลกมีนโยบายการจัดหาและกระจายวัคซีน ทั้งเข็มที่หนึ่ง และเข็มกระตุ้นภูมิอย่างไร จัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์เพียงพอหรือไม่ ภายในระยะเวลาเท่าไหร่
2. กรณีมีผู้แอบอ้างตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในการรับวัคซีน เป็นความจริงหรือไม่ และถือเป็นการประพฤติผิดทางวินัยร้ายแรงอันเป็นเหตุสมควรต่อการดำเนินการเอาผิดทางวินัยหรือไม่ อย่างไร
3.มีกรณีบุคคลที่แอบอ้างเช่นนี้ ใช้อำนาจแทรกแซงการรับวัคซีนโดยไม่เป็นธรรมอีกหรือไม่ ทางจังหวัดมีแนวทางแก้ไขและป้องกันอย่างไร
อย่างไรก็ดีอยากจะฝากถึงพี่น้องชาวจังหวัดพิษณุโลกต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาบุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักและเผชิญกับความเสี่ยงมาตลอด แต่พวกเขากลับต้องมาได้รับข่าวแบบนี้ ในขณะที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีน ในฐานะผู้แทนของประชาชน ผมจะดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลก ได้รับการจัดสรรโควตาวัคซีนน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ เมื่อเกิดกรณีแบบนี้ก็ทำให้เกิดให้เกิดความไม่พอใจอย่างกรณีมีชื่อชัดเจน เป็นใคร ได้รับวัคซีนโควิดเข็มที่3 เรียบร้อยแล้ว แล้วมาอ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนเข็มที่1 และเข็มที่ 2 ก็เชื่อว่ามีปัญหาอาจจะไปแอบอ้าง แล้วใช้เส้นสายในโรงพยบาลทำให้ตัวเองได้รับโควตา คงจะไม่ใช่แค่มีปัญหาแค่เข็ม3 จึงขอคำตอบจากผู้ว่าฯ ภายใน 15 วัน จะต้องมีคำชี้แจง
“สำหรับการจัดคิวฉีดวัคซีน ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นแค่จังหวัดพิษณุโลกเท่านั้น เพราะลงทะเบียนมีหลายรอบมาก ทั้งการลงทะเบียนแบบหมอพร้อม การลงทะเบียนกับ อบจ. แล้วก็ลงทะเบียนกับเทศบาล จึงทำให้มีการเลื่อนคิวมาเรื่อยๆ ดูแค่ครอบครัวผม ภรรยาก็โดนเลื่อน แล้วคุณพ่อผมก็โดนสลับ เข็มแรกเป็น “แอสตราเซเนกา” พอเข็ม2 เป็น “ซินโนเวต” จะไปโทษจังหวัดเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากนโยบายบริหารต้นทางล้มเหลวมาตั้งแต่ต้นแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลกเองก็ไม่ได้เป็นจังหวัดสำคัญทางเศรษฐกิจ และไม่ได้มีรัฐมนตรีมาดำเนินการให้กลายเป็นจังหวัดที่รับเคราะห์ความล้มเหลวของโควตาวัคซีนโควิด”
ผู้สื่อข่าว ได้พยายามติดต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ถึงกรณีดังกล่าวนี้แล้ว หากได้รับคำชี้แจง จะรีบมารายงานข่าวต่อไป