ยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพื่อกระตุ้นการบริโภค ผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ระยะเวลาโครงการ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2564 ล่าสุด ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ยังมีจำนวนสิทธิคงเหลือ 934,523 สิทธิ จากจำนวนสิทธิทั้งหมด 1,400,000 สิทธิ
ล่าสุดกระทรวงการคลัง ได้ปรับปรุงรายละเอียดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ในปัจจุบัน และสถานการณ์การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ดังนี้
- ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการที่จะได้รับการสนับสนุนวงเงินสิทธิ e - Voucher จากเดิมระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2564 เป็นระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 พฤศจิกายน 2564
- เพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e - Voucher ต่อวัน จากเดิมไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวันเป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อคนต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ วงเงินใช้จ่ายสูงสุด ที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e - Voucher ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 - 21 กรกฎาคม 2564 และไม่เกิน 10,000 บาทต่อคนต่อวัน สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม - 30 พฤศจิกายน 2564 โดยจะไม่มีผลในการคำนวณคืน e - Voucher ย้อนหลัง
- ปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จากเดิม 4 ล้านสิทธิเป็น 1.4 ล้านสิทธิ
สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นี้
หลักเกณฑ์สำหรับประชาชน
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (ผ่านบัตรประชาชน)
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส3
- ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิได้ 1 ครั้ง และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้อีก
- ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
- การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีใด
- แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ ระหว่างเวลา 6.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
- ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
สิทธิประโยชน์และการใช้จ่าย
รัฐสนับสนุน E-Voucher ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าสินค้า ค่าบริการ สปา/นวด/ทำผม ทำเล็บ
*ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid) เว้นแต่เป็นการชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน โดยที่การชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน
การสแกนจ่ายเงินผ่านโครงการ ต้องมีการซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด
สินค้าที่เข้าร่วมโครง(คลิกที่นี่)
ชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอปฯ “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการ จดทะเบียน VAT ที่เข้าร่วมโครงการ
ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher
- วันที่ 1 ก.ค. - 21 ก.ค.64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 5,000 บาท/คน/วัน
- วันที่ 22 ก.ค. - 30 พ.ย.64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 10,000 บาท/คน/วัน
ได้รับ E-Voucher ในรูปแบบของสิทธิเข้า G-Wallet โดยแบ่งการใช้จ่ายดังนี้
- จำนวนเงิน 1-40,000 บาท ได้คืน 10% สูงสุด 4,000 บาท
- จำนวนเงิน 40,001-60,000 บาท ได้คืน 15% สูงสุด 3,000 บาท
ได้รับ E-Voucher ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป และสามารถใช้สิทธิได้ถึง 31 ธ.ค.64
ที่มา : www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com , สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง : Fiscal Policy Office