“150 ผู้ประกอบการร้านนวด-สปา”ฟ้องรัฐเรียกเยียวยาโควิด 200 ล้านบาท

17 ส.ค. 2564 | 06:37 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2564 | 13:49 น.

“150 ผู้ประกอบการร้านนวด-สปา”รวมตัวฟ้องแพ่งเอาผิด “คลัง-สธ.-มท.-กทม.”ฐานละเมิดบริหารโควิด-196 ผิดพลาด เรียกเยียวยา200 ล้าน ศาลแพ่งนัดไต่สวน 19 ต.ค.นี้ 

วันนี้(17 ส.ค.64) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นางอักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพและสปาขนาดกลางและขนาดเล็ก น.ส.จารวี ติสันโต เจ้าของร้านจารวี นวดแผนไทย และกลุ่มบุคคลที่ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพ กว่า 150 คน ร่วมกันโจทก์ยื่นฟ้อง กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 10,796,928 บาท

 

ตามโจทก์ฟ้องสรุปว่า โดยจำเลยที่ 1-4 เป็นนิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละหน่วยงานและเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีอำนาจหน้าที่ร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินใหม่ทดแทน ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 วรรค 5

 

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการ ศบค. และประธานกรรมการวัคซีนมีอำนาจแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และได้ประกาศกฎหมายหลายฉบับ เเต่ พล.อ.ประยุทธ์ เเละ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ดำเนินนโยบายผิดพลาดทำให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดจากการบริหารจัดการการแพร่ระบาดไวรัสโควิดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งปิดสถานที่ ซึ่งรวมถึงสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ การกระทำของนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน รวมไปถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และผู้ว่าฯ กทม. ที่ประกาศปิดสถานที่ดังกล่าว ซึ่งมีสาเหตุมาจากความประมาทเลินเล่อ ดำเนินนโยบายผิดพลาดล้มเหลว จึงต้องรับผิดชอบความเสียหายต่อโจทก์ทั้งสอง โดยจำเลยทั้ง 4 ต้องร่วมกันชดใช้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 7,199,262 บาท ชดใช้โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 3,597,666 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5

 

โดยโจทก์ทั้งสองยังได้ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีเเบบกลุ่ม ได้บรรยายฟ้องโดยแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะที่เหมือนกันกับลักษณะของสมาชิกกลุ่มที่ชัดเจน เพียงพอเพื่อให้รู้ได้ว่า โจทก์ทั้งสองและสมาชิกกลุ่ม เป็นกลุ่มบุคคลที่ประกอบกิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีสมาชิกกลุ่มจำนวนมากกว่า 150 คน ซึ่งถือว่าการฟ้องคดีนี้มีผู้เสียหายเข้ามาเป็นจำนวนมาก 

 

หากดำเนินคดีอย่างคดีสามัญแล้ว จะทำให้เกิดความยุ่งยากและไม่สะดวก เพราะจะต้องสืบพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก หรืออาจต้องแยกฟ้องเป็นคดีใหม่อีกจำนวนหลายคดี เเละการดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีอย่างคดีสามัญ เนื่องจากคดีนี้เป็นการฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 

 

อาจต้องออกคำสั่งเรียกพยานเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของรัฐหรือ ต้องออกหมายเรียกพยานบุคคล ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ นักวิชาการมาเป็นพยานในคดี ซึ่งหากให้ประชาชนแต่ละบุคคลแยกกันไปฟ้องร้อง อาจไม่สามารถต่อสู้คดีกับหน่วยงานของรัฐได้ดีเท่ากับการรวมกลุ่มกัน

 

โจทก์ทั้งสองยังยื่นคำร้องว่า เนื่องด้วยในปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์การระบาดรุนแรงของโรคโควิด 19 การเดินทางมาดำเนินกระบวนพิจารณาคดีที่ศาลอาจเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อของคู่ความและบุคลากรของศาลได้ด้วย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้ โดยไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่มและนัดชี้สองสถาน หรือ สืบพยานโจทก์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทางเว็บไซต์ Google Meet เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 ของคู่ความและบุคลากรของศาลขอศาลได้โปรดอนุญาต

 

โดยศาลรับคำร้องขอดำเนินคดีเเบบกลุ่มเเละให้นัดไต่สวนวันที่ 19 ต.ค.เวลา 09.00 น.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการยื่นฟ้องคดีวันนี้ มี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายสุเทพ อู่อ้น, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และทีมทนาย ร่วมเป็นตัวกลางนำ นายพิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย และ น.ส.อักษิกา จันทรวินิจ หรือ เพรียว ตัวแทนกลุ่มธุรกิจร้านนวด-สปา เดินทางเข้ายื่นฟ้อง
นายพิทักษ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดได้รับผลกระทบจากนโยบายสั่งปิดกิจการร้านนวดตั้งแต่ปี 2563 และถูกสั่งปิดต่อเนื่องทุกครั้งของการล็อกดาวน์ ซึ่งร้านนวดไม่เคยเป็นสถานที่เสี่ยง และไม่เคยมีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้น แต่รัฐก็ยังสั่งปิดร้านนวดทุกครั้ง จนผู้ประกอบการบางรายต้องปิดกิจการ จนถึงขณะนี้ยังไม่รับการเยียวยาจากภาครัฐเลยสักครั้ง และในวันนี้กลุ่มผู้ประกอบการได้เรียกร้องค่าเสียหายจากภาครัฐเป็นเงินจำนวน 200 ล้านบาท

 

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ในฐานะเป็นตัวกลางยื่นฟ้องให้กลุ่มผู้ประกอบการ กล่าวว่า การฟ้องในครั้งนี้เป็นการฟ้องแพ่งแบบรวมกลุ่มหรือ Class Action ครั้งแรก ซึ่งอยากให้คดีนี้เป็นคดีแรก และเป็นคดีในประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลจะตัองรับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน และความเสียหายที่เกิดขึ้นของผู้ประกอบการ ทั้ง ๆ ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลสั่ง แต่ไม่มีมาตรการที่จะมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น 

 

“ขณะนี้ผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้ประกอบการร้านนวดเหล่านี้ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ แต่ถ้าหากจะมาเยียวยาตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เพราะไม่ได้สัดส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น เราคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว ต้องมาพึ่งศาลว่าได้กระทำการละเมิดกับประชาชนในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ผิดพลาดขนาดนี้ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ซึ่งการฟ้องร้องในวันนี้เป็นคดีแรกของการฟ้องรวมกลุ่มของกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด และจะขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการอื่น ๆ อีก เช่น ร้านอาหาร และผับ บาร์”น.ส.ศิริกัญญา ระบุ