นายมนชัย รักสุจริต ผู้จัดการสมาคมเพื่อนชุมชน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายวันในอัตราสูงและพบว่าพื้นที่จ.ระยองเองก็ประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกันและจัดเป็น 1 ใน 29 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด(สีแดงเข้ม) ดังนั้นสมาคมเพื่อนชุมชนที่ได้ก่อตั้งจากการรวมตัวของ 5 ผู้ประกอบการในพื้นที่มาบตาพุด(กลุ่มปตท. กลุ่มเอสซีจี บีแอลซีพี ดาวประเทศไทยและจีพีเอสซี) และปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 17 กลุ่มบริษัทจึงกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานของสมาคมฯนับจากนี้ที่ต้องมุ่งเน้นการเข้าไปสนับสนุนด้านสาธารณสุข และชุมชนในพื้นที่จ. ระยอง เป็นสำคัญเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิดทั้งระดับชุมชนและโรงงานเนื่องจากพื้นที่จ.ระยองมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
สำหรับระยองนั้น เป็นพื้นที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเพราะเป็นพื้นที่ตั้งของอุตสาหกรรมจำนวนมาก สร้างงาน สร้างรายได้ ที่ผ่านมาสมาคมฯเองก็ได้ช่วยเหลือชุมชนอยู่แล้วแต่จากการแพร่ระบาดรอบ 3 ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเราจึงมีนโยบายที่มุ่งเน้นการกระจายความช่วยเหลือและบริการประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น ทั้งการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ ให้สามารถบริการประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งมอบอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดให้กับชุมชน โดยการส่งทีมของสมาคมฯลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การระบาดรอบแรก จนถึง ปัจจุบัน พร้อมวางแผนการตลาดช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีออนไลน์ มาสนับสนุนให้เกิดการซื้อขาย สินค้าเพราะขณะนี้คงไม่สามารถพึ่งแรงซื้อจากนักท่องเที่ยวได้
ทั้งนี้ บทบาทของสมาคมเพื่อนชุมชนซึ่งเป็นต้นแบบการผนึกกำลังเครือข่ายจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ (MTP) ที่ร่วมกันระหว่างภาครัฐ และชุมชน ดูแลสิ่งแวดล้อม เพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างเศรษฐกิจชุมชน ผลักดันให้เกิดโรงงานและชุมชนเชิงนิเวศโดยทุกเป้าหมาย มีหลักชัยอยู่ที่การนำ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งใน3 ของจังหวัดที่อยู่ใน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ได้ก้าวสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) ในระดับสูงสุด หรือระดับ “Happiness” เพื่อให้ระยองเป็นเมืองต้นแบบ “เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม” ของประเทศไทยพร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ขยายผลสู่การพัฒนาจังหวัดอื่นทั้งในพื้นที่อีอีซี และโดยรอบในอนาคต