รายงานข่าวระบุว่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
ทำไมถึงซ้ำเติมคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19)
ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน คนไทยใจอารี ระดมทุนช่วยเหลือหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหาร ยา สมุนไพร หน้ากากอนามัย และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ผู้ป่วยโรคโควิดที่รักษาหายแล้ว รักษาและกักตัวที่บ้านต่อจนครบ 3-4 สัปดาห์ พ้นระยะแพร่เชื้อแล้ว ยังถูกสังคมรังเกียจ เจ้านายไม่ให้กลับไปทำงาน เช่น เป็นลูกจ้าง เป็นคนงานทำความสะอาดบ้าน แม่ค้าแถวบ้านไม่ยอมขายของให้ ญาติพี่น้องรังเกียจ เหมือนที่สังคมเคยปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยวัณโรค ผู้ป่วยโรคเหล่านี้ถูกตีตรา และรังเกียจจากสังคมตั้งแต่อดีต ปัจจุบันก็ยังรังเกียจ แต่ลดน้อยลง
ควรหรือ ที่เราทำแบบนี้ ??
เชื้อไวรัสโควิดมีชีวิตอยู่ในตัวคนที่ป่วยน้อยถึงปานกลางได้ไม่เกิน 14 วัน ในคนป่วยหนักได้ไม่เกิน 20 วัน ถึงจะไปตรวจแยงจมูกตรวจหาเชื้อไวรัสซ้ำ สิ่งที่เจอคือ ซากเชื้อตาย ไม่ใช่เชื้อที่มีชีวิตอีกต่อไป ไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้หลังหายจากโรคนานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว
เรายิ่งควรมีเมตตากรุณาต่อคนที่เคยป่วย เพราะบางคนป่วยมากเจียนตายกว่าจะรอดกลับมามีชีวิต บางคนอาจมีสภาพปอดไม่เหมือนเดิมด้วย ตอนป่วยก็ขาดรายได้ หายแล้วนายจ้างไม่ยอมให้กลับมาทำงาน ขาดรายได้ต่อไป ไม่มีงานทำ ไม่มีอะไรจะกิน เราต้องให้เขากลับมาทำงาน คนที่หายป่วยแล้วเขามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้คนที่เคยติดเชื้อ ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา 1 เข็มภายในเวลา 3 เดือน หลังจากที่หายป่วยเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ผมเชื่อว่าเกือบทุกคน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนตัวไหนก็ตาม จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ช้าก็เร็ว เราต้องเรียนรู้อยู่กับมัน อย่ารังเกียจผู้ที่ติดเชื้อซึ่งหายเป็นปกติแล้ว พวกเขาควรได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ควรมีจิตเมตตาให้เพื่อนมนุษย์เสมอ
สำหรับประเด็นดังกล่าวนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" สืบค้นข้อมูลแล้วพบว่า เกิดจากการที่มีผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 หลายเคสถูกรังเกียจจากคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องของตนเอง เกรงว่าจะมาแพร่เชื้อ เช่น
สาวเคยป่วยโควิดท่าหนึ่งอาศัยอยู่ที่ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เล่าไว่า หลังรักษาจนหายแล้วแพทย์อนุญาตให้กลับมากักตัวอยู่ที่บ้าน แต่คนในชุมชนตั้งข้อรังเกียจครอบครัวตนอย่างหนัก คนในครอบครัวไปซื้อของร้านไหน ก็ถูกไล่ ไม่ขายให้ จะเดินออกนอกบ้านไปไหนก็มีแต่คนคอยจ้องจับตาดู รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด ทั้งที่คนในบ้านอีก 5 คน ผลตรวจยืนยันแล้วไม่ได้ติดเชื้อ ลูกสาวไปซื้อข้าวกินแต่เจ้าของร้านไม่ให้เข้าร้าน
อีกกรณีหนึ่งเป็นแม่ค้าขายของในตลาดแห่งหนึ่งย่านหนองแขม กรุงเทพฯ วันหนึ่งมีการตรวจโควิด-19 เชิงรุก แม่ไปตรวจปรากฎว่าผลออกมาพบเชื้อ จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามขั้นตอน สมาชิกทุกคนในบ้านรับผิดชอบด้วยการกักตัวและไปตรวจหาเชื้อ แม้ทางเจ้าของตลาดจะให้ไปเก็บร้านแต่ก็ไปไม่ได้ สัปดาห์ต่อมาพ่อติดเชื้อโควิด-19 ก็นำตัวเข้ารับการรักษา เหลือแต่เพื่อนกับน้องอีกคนหนึ่ง แม้ผลเป็นลบแต่ก็ยังต้องกักตัว ต่อมาแม่รักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหาย แพทย์ให้กลับมากักตัวต่อที่บ้าน 14 วัน แม่กะว่าถ้ากักตัวเสร็จ ก็จะกลับไปขายของที่ตลาดอีกครั้งเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว
ปรากฎว่าทางเจ้าของตลาด พอรู้ว่ากลับมาแล้ว ให้คนมาบอกว่า “ไม่ให้ขายแล้ว กลัวแพร่เชื้อโรค อีกอย่างทำให้ตลาดเสียชื่อเสียงว่ามีคนติดเชื้อโควิด ทำให้ขาดรายได้ระหว่างตลาดปิด”