รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 24 สิงหาคม 2564...
ทะลุ 213 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 471,932 คน รวมแล้วตอนนี้ 213,188,365 คน ตายเพิ่มอีก 7,203 คน ยอดตายรวม 4,451,918 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อเมริกา อิหร่าน สหราชอาณาจักร ญึ่ปุ่น และรัสเซีย
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 78,772 คน รวม 38,735,079 คน ตายเพิ่ม 346 คน ยอดเสียชีวิตรวม 645,850 คน อัตราตาย 1.7%
อินเดีย ติดเพิ่ม 11,359 คน รวม 32,460,328 คน ตายเพิ่ม 266 คน ยอดเสียชีวิตรวม 435,050 คน อัตราตาย 1.3%
บราซิล ติดเพิ่ม 13,103 คน รวม 20,583,994 คน ตายเพิ่ม 370 คน ยอดเสียชีวิตรวม 574,944 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 19,454 คน รวม 6,766,541 คน ตายเพิ่ม 776 คน ยอดเสียชีวิตรวม 176,820 คน อัตราตาย 2.6%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 5,166 คน ยอดรวม 6,624,777 คน ตายเพิ่ม 108 คน ยอดเสียชีวิตรวม 113,419 คน อัตราตาย 1.7%
อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 88.67 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน
แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง อีกราว 3-4 วันอิหร่านจะมียอดสะสมแซงสเปนขึ้นเป็นอันดับ 10 ของโลก
เวียดนามติดเพิ่มเกินหมื่นเหมือนฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น
ส่วนเมียนมาร์ อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวันติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
วิเคราะห์สถานการณ์ของไทย
จำนวนติดเชื้อใหม่ และเสียชีวิตของเมื่อวานนี้ สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
การตั้งหน้าตั้งตามุ่งเป้าจะเปิดประเทศให้ได้ตามกำหนดดังที่เห็นนั้น ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ระบบสนับสนุนด้านต่างๆ เป็นแบบในปัจจุบัน คาดว่าจะทำให้คนไทยตกอยู่ในภาวะที่อาจติดเชื้อราวหลักหมื่นต่อวัน และเสียชีวิตวันละ 50-100 คน
อาจมองดูน้อยในสายตากลุ่มคนตัดสินใจนโยบาย
แต่หากลองประมาณโดยคร่าว จากตุลาคมถึงสิ้นปี ถ้าเป็นไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หักลบผลจากการป้องกันตัวของประชาชน ผลบางส่วนจากวัคซีน โอกาสแปรปรวนจากการจำกัดการตรวจคัดกรองและชนิดของวิธีตรวจ และการตกหล่นไม่ได้รายงานการติดเชื้อด้วยสาเหตุต่างๆ อาจมีติดเชื้อเพิ่มอีกอย่างน้อย 500,000 คน และโอกาสเสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 5,000-7,500 คน
ความสูญเสียจากสุขภาพ และความสูญเสียชีวิตไม่จบอยู่แค่ที่ประมาณไว้ แต่ยังส่งผลต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดรุนแรงต่อเนื่องยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน และระบบเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมดในระยะยาว
มองภาพอนาคต
1. ถัดจากนี้ไป ด้วยนโยบายและมาตรการดังที่ประกาศมา จะมีการติดเชื้อใหม่และการเสียชีวิตใหม่ในแต่ละวันอย่างต่อเนื่องแน่นอน
2. เดิมผลกระทบทางเศรษฐกิจจะหนักและเห็นชัดมากในกลุ่มประชาชนที่ยากจนแต่จะขยายไปถึงกลุ่มคนที่มีฐานะปานกลาง โดยจะเริ่มเห็นชัดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี และจะมีแนวโน้มหนักขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของ 2565 ถ้าไม่สามารถจัดการสถานการณ์ระบาดและระบบสนับสนุนต่างๆ ให้ดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
3. เป้าหมายหลักในการอยู่รอดของประชาชนแต่ละคนอาจจำเป็นต้องหาทางเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยตนเอง ผ่านช่องทางต่างๆ ที่ต่างจากระบบบริการภาครัฐ ด้วยข้อจำกัดของนโยบายวัคซีน กระบวนการจัดหา และข้อมูลเชิงวิชาการแพทย์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่เป็นที่ยอมรับระดับสากล ดังนั้นการเลือกรับวัคซีนของประชาชนจึงต้องยึดหลักเหตุและผล โดยใช้ความรู้ที่ถูกต้อง พิสูจน์ได้ จากแหล่งที่เชื่อถือได้มาประกอบการตัดสินใจปฏิบัติและดูแลตนเอง
4. โควิด-19 ที่ระบาดต่อเนื่องยาวนานและไม่ได้ตัดวงจรการระบาด จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกระทบต่อสุขภาพกาย ใจ และสังคม ของบุคลาการที่ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ
5. ที่น่ากังวลคือ ภาวะระบาดยาวนานต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้ป่วย และประชาชน โดยจะเห็นจากทั้งตัวผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะอาการคงค้าง หรือ Long COVID และกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่โควิด-19
ทางออกเดียวที่จะป้องกันได้ คือการเลือกใช้แนวทางแบบนิวซีแลนด์ "Elimination and Vaccination strategies"
สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 24 สิงหาคม 64 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามรายงานจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวม 17,165 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16,973 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 192 ราย ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,055,088 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 226 ราย หายป่วยกลับบ้าน 20,059 ราย กำลังรักษา 192,334 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 854,403 ราย