27 สิงหาคม 2564 - จากกรณี ค่ำวานนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดโต๊ะแถลงคดีดัง 'คลุมหัวรีดเงิน 2 ล้าน' ภายหลังการเข้ามอบตัวจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้ " ผู้ต้องหาคนสำคัญ โดยเจ้าตัว บอกเล่าวินาทีก่อเหตุ ซึ่งอ้างเหตุผลการกระทำดังกล่าว ว่า " เพื่อต้องการสืบสวน เค้นความจริงจากนักค้ายาเสพติด ยืนยันเป็นคนสั่งการลูกน้อง ไม่มีเรื่องเงิน"
ผกก.โจ้ ยังระบุถึงการเอาถุงคลุม ว่า " เพราะไม่ต้องการให้ผู้เสียชีวิตเห็นหน้า ยืนยันไม่มีทุจริตเรื่องเงินครับ หากศาลพิพากษาแล้วจะจำคุกตลอดชีวิต ยืนยันผมไม่มีเจตนาฆ่าน้อง ผมต้องการทำงานครับ ผมกราบขอโทษประชาชน ผมทำงานจริงๆ ผมยอมรับในสิ่งที่ผิดพลาด ผมขอโทษพ่อแม่ด้วยครับ และผมขอโทษองค์กรตำรวจทุกคนด้วยครับ"
ซึ่งภายหลังการแถลงข่าว ซึ่งนำโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จบสิ้น สังคมได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างวงกว้าง ถึงความเหมาะสม ตั้งแต่ท่าทีของ ผบ.ตร. ,รูปแบบการแถลงข่าว และการให้ผู้ต้องหา ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว ในประเด็นสำคัญ คล้ายมีการเตรียมการ มาเบื้องต้น หวั่นคดีนี้ ผู้กระทำผิดอย่าง 'ผู้กำกับโจ้' จะไม่ได้รับโทษตามกฎหมายอย่างแท้จริง
ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ' เสนอความเห็น พร้อมแผ่ตี คดีดังนี้ จั่วหัว : “เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง” โดยมีใจความสำคัญดังนี้ ....
ข่าวจับผู้กำกับฯโจ้ มือคลุมถุงบนโรงพักนครสวรรค์ดังทั่วประเทศ
หมดสภาพตำรวจมือปราบ เคยจับโจรใส่กุญแจมือ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีหนัก ถูกใส่กุญแจมือนำมาแถลงข่าวเสียเอง
ตอนแรกข่าวว่ารีดทรัพย์เอาเงินเพิ่มจาก 1 ล้าน เป็น 2 ล้าน ที่ผู้ต้องหาค้ายายอมรับจ่ายค่าตั๋ว “รอดคุก”
ตอนนี้กลายเป็นรีดข้อมูลยาทำเพื่อประชาชนไปเสียแล้ว ส่วนเมียของผู้ต้องหาที่ปล่อยไป ไม่พูดถึงว่าปล่อยไปได้ไงเมื่อถูกจับพร้อมกัน
เรื่องนี้มีเงื่อนงำว่าอดีตผู้กำกับฯ มือปราบยาเสพติดจะทำดี แต่วิธีผิด หรือจะเอาเงินดำมาแบ่งใช้?
นานๆ ไปหากคดียังอยู่โรงพักนครสวรรค์ ตอนจบอาจพลิกจากหนักเป็นเบา เสี่ยโจ้เขาแบ็คเบาที่ไหน
ที่แน่ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และสังคมจะไม่ได้รู้ความจริง หากผู้กำกับฯโจ้ ในฐานะผู้นำหน่วยโรงพักพื้นที่ทองคำอย่างเมืองนครสวรรค์ดูแลจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพักลงตัว
คลิปนี้จะไม่ทีทางหลุดออกมาสู่สาธารณะโดยเด็ดขาด หากทุกคนในโรงพักแฮปปี้ จะไปหาเรื่องทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม?
เพราะขนาดตัวอดีตผู้กำกับฯโจ้ ที่แปรสภาพมาเป็นผู้ต้องหา ถึงกับเอ่ยวลีว่า “อโหสิกรรม” คนปล่อยคลิปนี้
จากประสบการณ์ผม อย่างนี้แสดงว่าทนไม่ไหวแล้ว
การจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพัก หรือหน่วยงานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้นำหน่วย ที่จะต้องแบ่งสรรปันส่วนให้ได้ลงตัวไม่ขาดตกบกพร่อง หรืออย่างน้อย “ที่เคยได้ไม่ลดลง”
จะอ้างว่าตัวเองใหญ่ ผู้ใหญ่ส่งมาแล้วเปลี่ยนระบบใหม่ เคลียร์ตั๋วใหม่ให้เอามาไว้ที่ตัวเองคนเดียว แล้วจัดสรรลดลงได้ไง
รายได้ที่เคยได้ ไม่ได้แล้ว หดหายไปเข้ากระเป๋าผู้กำกับฯ คนเดียว
ยิ่งช่วงนี้บ่อนก็ปิด โควิดก็มา ผับบาร์ไม่เปิด จะเอาที่ไหนยาไส้ ยังมาลดตั๋วลงอีก
แบบนี้ไม่รู้เสียแล้ว อย่าพลาดแล้วกัน และอดีตผู้กำกับฯโจ้ ตำรวจหนุ่มอนาคตไกลก็พลาดหนักจนได้
มันไม่ใช่เรื่องของการทนเห็นไม่ได้ของตำรวจชั้นผู้น้อย หรือกลัวถูกฆ่าหรอกครับ
ไม่ได้เกี่ยวกับ “คุณธรรม” มันเป็นเรื่องของ “คุณเงิน” มากกว่า
เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง
เรื่องนี้สะท้อนถึงระบบผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจจึงถูกประจานออกมาให้เห็นตะลึงกันทั้งประเทศ
ผู้ใหญ่ในวงการตำรวจย่อมรู้ดี
เรียกว่า หากงานนี้เกลี่ยลงตัวทุกคน ผู้กำกับฯโจ้ ยังสามารถเจริญรอยตามรุ่นพี่ได้สบายๆ รุ่งเรืองเป็นเบอร์หนึ่งของรุ่นต่อไป
จึงเป็นประสบการณ์ให้ตำรวจทุกคนเห็นว่า “อย่าทำอย่างโจ้” ไม่ใช่เรื่องเอาถุงคลุมหัวรีดผู้ต้องหา
แต่ต้อง “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ เกลี่ยรายได้ให้ลงตัวให้ได้ “
หากอยู่โรงพักเกรดทองไม่เป็น ผลลัพธ์จะเป็นแบบโจ้ ที่เล่นกันถึงขนาดเข้าคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสเรียกร้อง ปฎิรูปวงการตำรวจ จากภาคประชาชน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเผยว่า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบข้อห่วงใยและกระแสเรียกร้องดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปองค์กรตำรวจ โดยยึดหลักสาระสำคัญตามที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในหมวดปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ... อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการร่วมของรัฐสภาแล้ว