วธ. ผนึก 50 เชฟดังยกระดับส่งออกอาหารไทยมิติใหม่สู่ยาที่อร่อยที่สุดในโลก

14 ก.ย. 2564 | 10:33 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ย. 2564 | 17:35 น.

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรรม จับมือ 50 เชฟอาหารไทยชื่อดัง ยกระดับส่งออกวัฒนธรรมอาหารไทยมิติใหม่สู่การเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก

นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ดำเนินการร่วมมือกับ 50 เชฟอาหารไทยชื่อดังระดับโลก เพื่อรังสรรค์ 50 เมนูอาหารไทยที่มีคุณประโยชน์ทางยา และส่งเสริมสุขภาพ ยกระดับวัฒนธรรมอาหารไทยมิติใหม่ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั่วโลก ภายใต้โครงการ Thai Taste Therapy เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม www.ThaiTasteTherapy.com ส่งออกวัฒนธรรมอาหารไทยในมิติใหม่ อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก
"การจะสืบสานวัฒนธรรมให้ยั่งยืนนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น มรดกภูมิปัญญาก็ต้องมีชุมชนหรือชาวบ้านที่เป็นเจ้าของมรดกมาต่อยอดจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมวัฒนธรรมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนที่ได้ร่วมกันจัดโครงการไทยเทสเทอราปี (Thai Taste Therapy)ขึ้นเพื่อยกระดับวัฒนธรรมอาหารไทยสู่นานาชาติด้วยการนำเสนอคุณประโยชน์ของอาหารไทยในมิติของสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ"

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกคนใส่ใจเรื่องการรับประทานมากขึ้น โดยอาหารไทยคือ Soft Power ที่มีศักยภาพในการเข้าถึงนานาประเทศ โดยเชื่อว่าโครงการ Thai Taste Therapy จะตอกย้ำให้ทั่วโลกเชื่อมั่นเรื่องความอร่อยของอาหารไทย และยังสร้างมุมมองใหม่ที่ว่า อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลกได้แน่นอน
"กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่สืบสานรักษาและต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืน ที่ผ่านมากรม ฯ จึงได้ขึ้นทะเบียนอาหารไทย 20 รายการ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อาทิ ต้มยำกุ้ง แกงเผ็ด แกงพุงปลา แกงเขียวหวาน ส้มตำ เป็นต้น
และในอนาคตเราตั้งใจที่จะขึ้นทะเบียนอาหารไทยอีกหลายรายการ"

ยกระดับส่งออกวัฒนธรรมอาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก
เชฟเอ็กซ์ อรรถพล ไนโต ถังทอง กล่าวว่า ตนเลือกทำสปาเก็ตตี้น้ำพริกอ่องกระชายโดยการรังสรรค์เส้นหนึบฉบับอิตาเลี่ยนมาผสมผสานรสชาติน้ำพริกอ่องของไทยซึ่งอุดมด้วยมะเขือเทศราชินี ที่ทำให้เมนูนี้อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และที่พิเศษคือได้เพิ่มกระชายขาวซึ่งมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการไอและไข้หวัด

เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งร้านอาหาร Blue Elepant 7 สาขาทั้งในและต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ออกแบบเมนูใหม่ขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับโครงการ ฯ คือต้มยำกุ้งแม่น้ำสูตรเฉพาะสำหรับโครงการ ฯ รสจัดจ้านสไตล์ไทย ซึ่งประกอบไปด้วยข่าที่ป้องกันการแพ้และเชื้อไวรัส ที่สำคัญคือตัวกุ้งแม่น้ำตัวโตที่เสริมการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน และเห็ดฟางที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ได้
เชฟมิชลินสตาร์ แอนดี้ ยังเอกสกุล กล่าวว่า ตนเลือกใช้กุ้งแชบ๊วยประมงเรือเล็กที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมมะขามเปียกช่วยสร้างภูมิต้านทานร่างกาย เพื่อให้ผู้ที่รับประทานได้มีมีความสุขกับรสชาติและป้องกันร่างกายจากโรคภัย
ต่าง ๆ 
นอกจากนี้ ยังมีเมนูข้าวขยำมันกุ้งจากเชฟนิค วิพิทธิจักษ์ ,ข้าวยำสมุนไพรจากเชฟปิง สุรกิจเข็มแก้ว พิธีกรรายการ Fin’s Kitchen และเชฟบาส วัฒนศักดิ์ ข้าวมันตะไคร้หน้าหมูย่างราดซอสพริกไทยดำไข่ดองน้ำปลา ฯลฯ