หลังจากที่บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าวัคซีน “โมเดอร์นา” ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ว่ากำหนดการส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นาในไตรมาส 4 ของปี 2564 จำนวน 1.9 ล้านโดส คาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564 จากก่อนหน้านี้ที่กำหนดจะส่งมอบในเดือนตุลาคม 2564
จนเกิดกระแสต่อต้านและแสดงความไม่พอใจต่อองค์การเภสัชกรรม (อภ.)ในฐานะตัวแทนภาครัฐและผู้ดำเนินการจัดซื้อให้กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ล่าสุดมีผู้สร้างแคมเปญล่ารายชื่อผ่านเว็บไซต์ https://www.change.org/p/นายกรัฐมนตรี-ปลดผอ-องค์การเภสัชกรรม-รับผิดชอบกรณีวัคซีน-moderna-ไม่ส่งตามกําหนด เพื่อร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีใจความว่า
ประชาชนผู้หลังชนฝา จำต้องยอมจ่ายค่าวัคซีน Moderna เอง ทั้งๆที่เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ วันนี้รัฐบาลและองค์การเภสัชกรรม ก็ยังไม่สามารถรักษาประโยชน์แห่งประชาชนไว้ได้ ความผิดพลาดและไร้ความสามารถครั้งแล้วครั้งเล่านี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเสี่ยงจาการติดโรคระบาด และไม่อาจใช้ชีวิตได้เป็นปกติตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ
นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สมาคมโรงพยาบาลเอกชน มีความพยายามในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนวัคซีนในประเทศไทย จนเกิดเป็นกระแสในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลและองค์การเภสัชกรรม ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด ล่วงเลยมาถึงเดือนมิถุนายนที่เริ่มมีความชัดเจนจากการกดดันของสังคม
เดือนกรกฎาคม องค์การเภสัชกรรมจึงยอมได้ทำสัญญากับโรงพยาบาลเอกชน และทำสัญญาจัดซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในเดือนสิงหาคม จำนวน 5 ล้านโดส ด้วยเงินของประชาชนทั้งหมด โดยสัญญากับประชาชนว่า จะได้รับวัคซีนล็อตแรกในเดือนตุลาคม แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ วัคซีน Moderna เกิดขึ้นมากมาย
จนวันนี้ 1 ตุลาคม 2564 บ.ซิลลิค ฟาร์มาร์ ผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีน Moderna ได้ออกแถลงการณ์เลื่อน กำหนดส่งวัคซีนล็อตแรกไปในเดือนพฤศจิกายน ทำให้ประชาชนผู้สั่งจองวัคซีน Moderna หลายล้านคน เอือมระอา สิ้นหวัง หมดศรัทธาและโกรธแค้นกับพฤติกรรมขององค์การเภสัชกรรม ที่ไม่มีความจริงใจในการรักษาชีวิตของประชาชน
เรามาร่วมกันมารักษาสิทธิ์ของเรา ไม่ให้ใครมาเอาเปรียบ ด้วยการเอาคนที่ไร้ความสามารถออกไป แล้วให้รัฐบาลจัดหาคนที่มีความสามารถและคำนึงถึงประโยชน์แห่งประชาชนเป็นสำคัญมาแทน
โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ลงชื่อ 2,500 คน ซึ่งล่าสุดในช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีผู้เข้าลงชื่อแล้วกว่า 1,800 คน และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก