จากกรณีที่สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายสุขภาพ และแพทยสมาคมฯ ออกแถลงการณ์แสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ยังคงนโยบายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบชนิดใหม่ๆ โดยอ้างว่าไทยยังไม่พร้อมเพราะเป็นประเทศรายได้ระดับต่ำหรือปานกลาง และยังระบุถึงอันตรายต่างๆ นั้น
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แอดมินเพจเฟซบุ๊ก บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวให้ความเห็นว่า พฤติกรรมผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนต่างมองหาวิธีลดอันตรายให้ตัวเอง การห้ามนำเข้าห้ามขายนั้นไม่ได้ผล และไม่อยู่บนโลกของความเป็นจริง ในขณะที่ 79 ประเทศทั่วโลกมีการอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าควบคุมได้อย่างถูกกฎหมาย กำหนดอายุขั้นต่ำผู้ซื้อเพื่อปกป้องเยาวชน สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เก็บภาษีสรรพสามิตเข้ารัฐได้
ขณะที่ประเทศไทยยังคงอ้างผิด ๆ เรื่องความเข้มข้นนิโคตินและการเสพติด สวนทางกับหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำในต่างประเทศจำนวนมาก เช่นราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งลอนดอน องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ หรือแม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกสำนักงานภาคพื้นยุโรป ที่ต่างก็ยืนยันว่าหากเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยลดการได้รับสารพิษได้มากกว่าการสูบบุหรี่ หากผู้สูบบุหรี่ไม่มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่วันนี้รู้แล้วว่าอันตรายน้อยกว่า เหมือนบังคับให้คนไทยยังต้องเสียชีวิตจากบุหรี่มวนปีละกว่า 70,000 คนเหมือนทุกวันนี้
นายสาริษฎ์ สิทธิเสรีชน แอดมินเพจเฟซบุ๊ก มนุษย์ควัน ซึ่งมีผู้ติดตามเกือบ 30,000 คน แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทให้ความร้อน หรือ ไอคอส กล่าวว่า ไม่ได้สนับสนุนให้คนสูบบุหรี่ แต่คิดว่าผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วควรมีทางเลือกเช่นเดียวกับในอีก 67 ประเทศทั่วโลกที่ไอคอส ถูกกฎหมาย และมีหน่วยงาน อย. สหรัฐที่อนุญาตให้ขายและสื่อสารได้ว่ามีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มสมาพันธ์สุขภาพถึงคิดว่ารัฐบาลของประเทศอื่นๆโง่กว่า หรือประสงค์ร้ายกับประชากรของตนเองหรืออย่างไร ทำไม ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือแม้แต่มาเลเซียเพื่อนก็อนุญาตให้ขายได้ ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวในโลกที่มีเด็กและเยาวชน ตนจึงสนับสนุนที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ดีอีเอส เสนอให้ทำการศึกษาเพื่อควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เปิดเสรี แทนที่ดีอีเอสจะต้องมานั่งไล่ปิดเว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ มี ส.ส. จากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงเพจดังจำนวนมาก เข้าร่วมสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการเห็นชอบการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ และอนุมัติจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดโควต้าการรับซื้อของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จนทำให้ รมว. ดีอีเอส ออกมาสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง ประเทศขนาดใหญ่ยอมรับกันแล้ว และจะสร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยประมาณ 10 ล้านคนและเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ 30,000 ครอบครัว หาก ยสท. หันมาผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เหล่านี้
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกราย กล่าวว่า การสำรวจระดับชาติเรื่องยาสูบในเยาวชนของรัฐบาลอเมริกันล่าสุดในปีนี้ ปรากฏว่าจำนวนวัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าลดลงอย่างมากติดต่อกันเป็นปีที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าหากควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย ก็จะป้องกันการใช้ในเด็กและเยาวชนได้ แต่หมอไทยกลับนำข้อมูลเก่ามาอ้าง สร้างให้คนกลัว และพยายามกดดันไม่ให้มีการศึกษาเรื่องนี้ ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจมหาศาล
"ไม่ว่าหมอจะยกงานวิจัยกี่ร้อยกี่พันฉบับมาอ้าง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำไม 79 ประเทศทั่วโลกเค้าสามารถนำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ การแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าหนีไปขายกันออนไลน์ กระทรวงดีอีเอส ก็รับกรรมไป เพราะจะไล่ปิดเท่าไหร่ก็ไม่หมด จึงขอให้ รมว ดีอีเอส อย่าได้หวั่นไหวต่อแรงกดดันดังกล่าว และเดินหน้าศึกษาเรื่องนี้เพื่อผู้สูบบุหรี่เกือบ 10 ล้านคนในประเทศไทยต่อไปเพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้นำสินค้าเหล่านี้ขึ้นมาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย"