วันที่ 11 ต.ค.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในโครงการ/มาตรการเยียวยาเอสเอ็มอี ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 หรือ ที่เรียกว่า พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2564 แบ่งเป็น
ขณะเดียวกัน การค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ ยอดการค้ำประกันจะเกิน 2 แสนล้านบาท โดยประมาณ 1 แสนล้านบาท มาจากการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท. และอีกประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท มาจากการค้ำประกันตามปกติของบสย.
ทั้งนี้ บสย. เพิ่งได้ขยายกรอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท.ออกไปอีก 1 แสนล้านบาท และปรับหลักเกณฑ์ให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และ กลุ่มเอสเอมอีที่เปราะบาง ได้ลดภาระต้นทุนค่าธรรมเนียม และเพิ่มโอกาสได้วงเงินสินเชื่อเพิ่ม ซึ่งรายละเอียดประกอบด้วย
เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย
เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดย บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยเต็ม 100% ในกลุ่มไมโครจากเดิม 90% และ กลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง จากเดิม 80%
“นายกรัฐมนตรีติดตามความคืบหน้าการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด และอยากให้ผู้ประกอบการไมโครและเอสเอ็มอี มาขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้มากขึ้น เพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือพิเศษ อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมาตรการที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้สามารถเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว