ตร.ไซเบอร์ เเจงดูดเงินจากบัญชีโดนเเล้ว 3-4 หมื่นราย ภัยไซเบอร์รุนแรงขึ้น

18 ต.ค. 2564 | 05:15 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ต.ค. 2564 | 12:40 น.

ตำรวจไซเบอร์ เเจงกรณีดูดเงินจากบัญชีประชาชนล่าสุดโดนเเล้ว 3-4 หมื่นราย ชี้ภัยมืดจากอาชญากรรมไซเบอร์รุนแรงมากขึ้น

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 พล.ต.ท.กรชัย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Thantalk กรณีประชาชนถูก “ดูดเงินจากบัญชี”

หลังจากที่มีผู้เสียหายหลายรายเจอปัญหาการผูกกับบัญชีธนาคาร "บัตรเครดิต"และ"บัตรเดบิต" แต่กลับถูกหักเงินแบบรัวๆ ตามรายงานข่าวบางรายยอดเงินถึงขั้นเต็มวงเงินบัตรเครดิต เเละผู้เจอเหตุการณ์แบบนี้จำนวนมาก จากหลักร้อยรายจนตอนนี้เกือบหลักหมื่นรายแล้ว

โดยระบุว่า ตำรวจไซเบอร์ได้รับการแจ้งข้อมูลว่าขณะนี้มีผู้เสียหายแล้ว 3-4 หมื่นราย เนื่องจากประชาชนเข้าถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรอิเล็คทรอนิคมากขึ้น ทำให้อาชญากรทางไซเบอร์เข้าถึงและนำข้อมูลไปใช้ในทางไม่ชอบได้ง่ายอีกด้วย

โดยระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาพบพฤติกรรมการดูดเงินจากบัญชี  ที่ตำรวจได้รับเรื่องมีมากขึ้น และอาชญากรรมประเภทนี้ก็รุนเเรงมากขึ้นขึ้น

ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนมีสติ ระมัดระวังการแจ้งข้อมูลตัวตนหรือกรอกข้อมูลเลขบัตรโดยเฉพาะเลข 3 ตัวหลัง ในการทำธุรกรรมใดๆก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการแจ้งข้อมูลกับคอลเซ็นเตอร์ การได้รับ sms เว็บไซต์ต่างๆ

พล.ต.ท.กรชัย ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคำเเนะนำหากตกเป็นเหยื่อสิ่งแรกคือต้องโทรไปแจ้งธนาคารต้นสังกัดที่ให้บริการจากนั้นจึงแจ้งความลงบันทีกประจำวันที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน

“ตำรวจได้มีการประสานข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศ สมาคมธนาคารไทย อย่างใกล้ชิด ทาง ธปท. ได้มีการออกมาเเถลงการณ์ เรื่องนี้ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบธนาคารเจ้าของบัญชีต้องมาเเจ้งความมากับตำรวจ ส่วนบัตรเดบิต ก็ต้องมีการพิสูจน์ทราบ เพราะเบิกเงินน้อย แต่บัตรเครดิตคนที่เข้าไปใช้บอกเลขบัตรเเละเลขสามตัวหลังอาจจะเช็คได้”