นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากที่เข้าพูดคุยกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเมื่อ 2 เดือนก่อน ถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนทางเลือก เพื่อมาฉีดให้บริการกับคนไทย
ล่าสุดพบว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยได้รับความร่วมมือจากเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศโปแลนด์ และเอกอัครราชฑูตโปแลนด์ประจำประเทศไทยเป็นอย่างสูง โดยโปแลนด์จะบริจาควัคซีนโมเดอร์นาให้กับไทยจำนวน 3 ล้านโดส โดยคาดว่าจะมาถึงไทยในปลายเดือนตุลาคมนี้
“ขอบขอบคุณ อาจารย์สุรพล (ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ) และทีมงานที่มุ่งมั่นขวนขวายจนประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง จนได้รับการบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจำนวน 3 ล้านโดส ที่จะเข้ามาไทยในวันที่ 25 ตุลาคมนี้”
โดย THG เข้าช่วยในเรื่องของ การสนับสนุนการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนจากแหล่งผลิต การขนส่ง ฯลฯ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดปัญหาการเข้าถึงวัคซีนของคนไทย โดยเฉพาะวัคซีน mRNA
อย่างไรก็ดีวันนี้เศรษฐกิจไทยทรุดตัวต่อเนื่อง สูญเสียรายได้ไปจำนวนมาก โดยตั้งแต่ปี 2563 ที่เศรษฐกิจไทยทรุดตัวสูญรายได้ไป 6 หมื่นล้านบาทต่อวัน และปีนี้สูญไปแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา โดยโครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาด้านการท่องเที่ยว 12% ส่งออก 50% แรงงานต่างชาติ 80% และเทคโนโลยี 5%
ขณะที่การเติบโตของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 3% ขณะที่ไต้หวัน 54% สหรัฐฯกว่า40% เมื่อเจอวิกฤติทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ดีการจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลา 10-20 ปี โดยไทยต้องพยายามพึ่งพาต่างชาติให้น้อยที่สุด และกระตุ้นการบริโภคในประเทศแทน
อนาคตธุรกิจจะเบส ออน ไฮเทค ดังนั้นไทยต้อง 1. ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบผูกขาด 2. การลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน 3. การศึกษา และ 4 สิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ ที่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นพ.บุญ กล่าวอีกว่า ในปี 2565 จะเผาจริง เพราะไทยจะต้องเผชิญทั้งเงินฝืดและเงินเฟ้อ พร้อมกัน เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เคยเจอ ขณะที่การเมืองมีผลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะหากพูดว่าวัคซีนเป็นเรื่องใหญ่ แต่การเมืองใหญ่กว่า ถ้าการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความมั่นคง ไม่มีการต่อเนื่อง นักธุรกิจไม่กล้าลงทุน แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ทำให้ภาพพจน์เสียหายหมด