โควิด-19 จะอยู่คู่โลก หมอยงชี้ภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ทำให้โรคสงบลงได้

24 พ.ย. 2564 | 01:06 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2564 | 08:50 น.

หมองยงเผยโควิด-19 จะคงอยู่ ระบุภูมิคุ้มกันหมู่ไม่สามารถที่จะให้โรคสงบลงได้ แนะดูบทเรียนจากไข้หวัดใหญ่ ชี้ไทยต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อลดการป่วยตาย

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า 
โควิด-19 โรคนี้จะคงอยู่กับเรา 
หมอยง ระบุว่า เดิมเมื่อมีการระบาดใหม่ๆ เรามีความพยายามที่จะกวาดล้าง ให้ได้เหมือนกับโรค  SARS ที่ระบาดในปี 2003  แต่แล้วก็ไม่สามารถที่จะกำจัดได้ โรคได้ระบาดไปทั่วโลก pandemic
ต่อมาได้มีการคิดถึงภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อจะยุติการระบาดของโรค แนวคิดการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนจึงเป็นทางออก ให้ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทาน เพื่อปกป้องประชากรส่วนน้อยที่ไม่มีภูมิต้านทาน โดยคาดการณ์ตามอํานาจการกระจายโรค อยู่ที่ 2-3  ก็จะใช้ภูมิต้านทานหมู่ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะยุติบรรเทาลงได้

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมเป็นสายพันธุ์เดลตา การแพร่กระจายของโรคใด้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการระบาดรอบใหม่เกิดขึ้น 
ปัจจุบันเรารู้แล้วว่า วัคซีนป้องกันความรุนแรงของโรค ลดการป่วยตาย ลดการนอนโรงพยาบาลให้ระบบสาธารณสุขคงอยู่ได้ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้
ความหวังภูมิคุ้มกันหมู่ จึงไม่สามารถที่จะให้โรคสงบลงได้
จากบทเรียนของไข้หวัดใหญ่ วัคซีนก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ สามารถป้องกันกลุ่มเสี่ยงลดการป่วยตาย และการระบาดเป็นฤดูกาล สายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ คัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสม นำมาพัฒนาวัคซีนประจำปี ไม่ว่าจะเป็น ซีกโลกเหนือ หรือซีกโลกใต้ องค์การอนามัยโลกจะเป็นคนกำหนด

โควิด-19 โรคนี้จะคงอยู่
Covid 19 vaccine เมื่อเริ่มต้นพัฒนา เห็นหนทางสดใสมาก เพราะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 90%  ในการลดการป่วยแบบมีอาการ ซึ่งสูงกว่าไข้หวัดใหญ่มาก ไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพเพียง 50% และบางปีอาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำ 

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ประสิทธิภาพในการป้องกันดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกเท่านั้น เมื่อนานขึ้นภูมิต้านทานลดลง ไวรัสเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ก็เห็นได้ชัดว่าการป้องกันโรคลดลง จึงมีความพยายามที่จะให้มีการกระตุ้น ให้ภูมิต้านทานขึ้นสูงและอยู่นาน
ในปัจจุบันทราบแล้วว่าภูมิต้านทานที่สร้างขึ้นจากวัคซีนส่วนใหญ่ จะเป็นเพียงส่วน ต่อหนามแหลม ของตัวไวรัส และภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีน สู้ภูมิต้านทานที่เกิดจากการติดเชื้อไม่ได้ ถ้ามีการติดเชื้อ แล้วกระตุ้นด้วยวัคซีน ประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าภูมิต้านทานจากวัคซีนอย่างเดียว 
ตรรกะนี้น่าสนใจ ถ้าจำลองให้เกิดการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรือการใช้วัคซีนให้คล้ายกับการติดเชื้อมากที่สุด แล้วกระตุ้นด้วยวัคซีนที่มีอยู่ ก็จะได้ประโยชน์สูงสุด ฝรั่งเศสเอง (Valneva) กำลังพัฒนาวัคซีนเชื้อตาย ที่ให้มีประสิทธิภาพสูง โดยการใส่สารช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ถึง 2 ชนิด คือ Alum เช่นเดียวกับวัคซีนของจีน และเพิ่ม CpG เข้าไปอีก 1 ตัว เพื่อจะจำลองให้คล้ายกับการติดเชื้อมากที่สุด ผลการศึกษา ทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรป ตั้งความหวังไว้มาก มีการจองวัคซีนของฝรั่งเศสไว้เป็นจำนวนมาก 
จากข้อมูลทั้งหมดแต่เห็นว่า ถ้าต้องการลดการป่วยตาย ทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงจะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมด จะหวังรอภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ได้ ประเทศไทยจะต้องฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เป้าหมายกระทรวงสาธารณสุข ภายในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จะต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวม  5,857 ราย ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64)  2,053,129 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 55 ราย หายป่วย 7,318 ราย กำลังรักษา 81,577 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 1,952,445 ราย