วัคซีนโควิด-19 ชนิดพ่นจมูก หมอยงเปิดจุดอ่อนบทเรียนจากไข้หวัดใหญ่

22 พ.ย. 2564 | 02:02 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2564 | 09:03 น.

หมอยงเผยข้อมูลวัคซีนโควิด-19 เชื้อเป็นชนิดพ่นจมูก ชี้บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่พบจุดอ่อนใช้ได้เฉพาะบุคคลที่แข็งแรง ห้ามใช้ในผู้มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เด็กเล็ก

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า 
โควิด-19 วัคซีน วัคซีนเชื้อเป็น แบบพ่นจมูก บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่
หมอยง ระบุว่า ในการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009  ประเทศไทยก็เตรียมพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น เชื้อจะไวต่ออุณหภูมิที่สูง เมื่อพ่นเข้าจมูก จะติดเชื้ออยู่ในโพรงจมูกเท่านั้นไม่สามารถลงไปในปอดได้ เพราะจะทนอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศาในร่างกายไม่ได้ เชื้อจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อไข้หวัดใหญ่ ได้เป็นอย่างดี เหมือนกับติดเชื้อในธรรมชาติ 

ในปีนั้น ประเทศไทย รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศรัสเซีย และพยายามจะนำมาพัฒนา ไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น สายพันธุ์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยังจำได้ดี และก็ไม่ไปถึงไหน เพราะถึงทำขึ้นมา ก็ไม่ตอบสนองวัตถุประสงค์ในการป้องกันการป่วยตาย องค์การเภสัชกรรมเปลี่ยนมาเป็นเชื้อตายทีหลัง และที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในไทยก็เป็นเชื้อตายทั้งสิ้น 
ในขณะเดียวกัน ก็มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ใช้พ่นจมูก ในอเมริกา และทางตะวันตก มีชื่อว่า FluMist ของบริษัท MedImmune เป็นเชื้อเป็น ใช้สเปรย์ใส่จมูก ไวรัสนี้จะไม่ทนความร้อน ไม่สามารถลงปอดได้ 

วัคซีนเชื้อเป็นแบบพ่นจมูก บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่
เนื่องจากเป็นเชื้อเป็น จึงไม่สามารถให้ ในผู้มีภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่นเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี  ผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปี  ผู้ที่กินยากดภูมิต้านทาน ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง คนท้อง ผู้ที่กินยาอักเสบ aspirin เพราะว่าจะเกิด Reye syndrome โดยสรุปก็คือกลุ่มเสี่ยงที่เป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วจะได้รับอันตรายเป็นปอดบวมถึงชีวิต ไม่สามารถให้ได้ ให้ได้เฉพาะคนแข็งแรง ที่เป็นโรคแล้วไม่รุนแรง ในทางปฏิบัติจริง การใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เราจะเน้นป้องกันกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ที่เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วจะเกิดอันตรายถึงชีวิต ถ้าวัคซีนใช้ได้เฉพาะคนที่แข็งแรงโดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่น จึงสวนทางกับความเป็นจริง ในจุดมุ่งหมายการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ที่ต้องการลดการป่วยตาย 

ทำนองเดียวกันการพัฒนาวัคซีนโควิด-19  ถ้าไวรัสยังมีชีวิตอยู่ ข้อบ่งชี้ต่างๆก็คงจะต้องคล้ายกัน โดยเฉพาะในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำ เพราะกลัวว่าไวรัสนี้จะแพร่กระจาย ทำให้เป็นข้อห้าม ในผู้มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เด็กเล็ก ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยง ของโรคโควิด วัคซีนพ่นจมูกใช้ได้เฉพาะบุคคลที่แข็งแรง เหมือนวัคซีนพ่นจมูกไข้หวัดใหญ่ จะไม่เกิดประโยชน์เลย เพราะบุคคลดังกล่าวเหล่านั้น ติดเชื้อเป็น covid-19 ก็ไม่รุนแรง โอกาสนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตน้อยมาก 
จุดอ่อนของวัคซีนพ่นจมูกของไข้หวัดใหญ่ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงไม่มีการนำมาใช้ในประเทศไทย ทั้งที่การใช้สะดวกมาก
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- 20 พ.ย. 64 มีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 88,803,596 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 46,646,938 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 39,101,640 ราย  และเข็มที่ 3 จำนวน 3,055,018 ราย