วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 15) ความว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
กอปรกับรัฐบาลให้ความสำคัญแก่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุขควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะมาตรการเปิดประเทศ
อย่างไรก็ดี การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปยุโรปกลับมามีการระบาดอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งจาก “สายพันธุ์โอมิครอน” (Omicron)ที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการระบาดของเชื้อได้ง่าย และในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมีการรวมตัวและการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก
ทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทำให้ปัญหาการลักลอบเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่ชายแดนรุนแรงมากขึ้น กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการ ในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติและชีวิตประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรี
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565