ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าโควิดโอไมครอนน่าจะระบาดก่อนที่จะมีรายงานที่แอฟริกามาซักพัก ตอนนี้หลายๆประเทศทั่วโลกเริ่มรายงานพบเชื้อไวรัสนี้ คาดว่ามีโอกาสน่าจะเป็นสายพันธุ์หลักแทนเดลต้า
ส่วนการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งของไวรัสนี้สามารถแบ่งเป็นตำแหน่งที่รู้จัก ได้แก่การกลายพันธุ์ที่ทำให้จับกับเซลล์คนง่ายขึ้น การกลายพันธุ์ที่อาจจะลดประสิทธิภาพวัคซีน
และที่ยังไม่รู้ว่าตำแหน่งการกลายพันธุ์มีผลต่อไวรัสอย่างไรบ้าง ซึงต้องรอการศึกษาจากไวรัสในห้องทดลอง มีข้อมูลว่าเชื้อนี้อาจจะทำให้เกิดการติดซ้ำได้ หากเคยเป็นโควิดมาก่อน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเชื้อนี้ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงกว่าเดลต้า (แนวโน้มเชื่อว่าเชื้อน่าจะอ่อนแรงเพื่อแลกกับคุณสมบัติที่ติดได้ง่ายขึ้น —แต่ยังต้องรอข้อมูลยืนยัน)
สำหรับในขณะนี้ควรจะทำอย่างไร ก็คงทำเหมือนกับหลายๆประเทศที่พยายามดักเคสแล้วก็กักตัวไว้ ไม่ให้กระจายอย่างรวดเร็ว เพื่อซื้อเวลาสำหรับการเตรียมฉีดวัคซีนให้ภูมิสูงขึ้นพอ (บางประเทศ ขยับเข็มกระตุ้นให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง) ช่องทางที่น่ากังวลคือการเข้ามาจากชายแดน คนเดินข้ามไปมา ถ้าเริ่มมีการระบาดรอบบ้านเราซึ่งคุมได้ยาก
ถึงแม้ว่ายังไม่มีวัคซีนที่จำเพาะสำหรับสายพันธุ์นี้ แต่ข้อมูลจากหลายๆการศึกษาพบว่าถ้าระดับของภูมิสูงพอก็อาจจะยับยั้งไวรัสได้ จากรูปที่แสดงการศึกษาของศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิกและมหาวิทยาลัย Duke ร่วมกับ National University of Singapore (Duke-NUS)
ที่กำลังรอตีพิมพ์ ได้วัดภูมิในคนไทยที่ได้รับ sinovac 2 เข็ม แล้วกระตุ้นด้วย แอสตร้า พบว่าที่ 7 วันหลังฉีดภูมิที่ขึ้นสามารถ neutralize ไวรัสสายพันธุ์อื่นได้หลายสายพันธุ์เช่นเบต้า แกมม่าที่ดื้อวัคซีนมากๆ แม้ว่าไม่ใช่วัคซีนที่จำเพาะต่อสายพันธุ์นั้นๆก็ตาม มีบางคนภูมิสามารถยับยั้งไวรัส SARS CoV-1 และ coronavirus สายพันธุ์ที่อยู่ในค้างคาวได้ด้วย ตอนนี้รอทำ multiplex testของ Omicron เพิ่มเติม (การศึกษานี้ใช้กลุ่ม Sinovac ตามด้วย Aztra ตามอาสาสมัครที่ยินดีเข้าร่วมการศึกษา แต่ถ้าวัคซีนอื่นที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีเช่น mRNA ก็น่าได้ผลเช่นเดียวกัน)
คำแนะนำของหลายๆประเทศขณะนี้คือยังย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีน ทำให้ภูมิคุ้มกันสูงพอ เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต ส่วนการมุมของการรักษา เนื่องจากการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่อยู่ด้านนอก แต่ยาที่ออกฤทธิ์ต่อส่วนอื่นของไวรัสเช่น Molnupiravir Paxlovid Remdesivir ก็น่าจะยังใช้ได้อยู่
ที่มา : Opass Putcharoen