"กรีนพีซ" รายงาน ค้าปลีกชั้นนำ 12 แห่ง ล้มเหลวการต่อกรกับวิกฤตมลพิษพลาสติก

31 ธ.ค. 2564 | 04:31 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ธ.ค. 2564 | 11:44 น.

ธุรกิจค้าปลีก12 แห่งในประเทศไทยล้มเหลวที่จะต่อกรกับวิกฤตมลพิษพลาสติก "กรีนพีซ" รายงาน "Lotuss" มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้คะแนนรวมแค่ 29.1% รองลงมาคือ แม็คโคร ระบุพลาสติกทุกชิ้นที่ผ่านจากร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ต สามารถหลุดรอดมาทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์

"พิชามญชุ์ รักรอด" หัวหน้าโครงการรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากรายงาน “ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต และวิกฤตมลพิษพลาสติก : การจัดอันดับนโยบายพลาสติกของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทย ปี 2563” ระบุ ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ทั้ง 12 แห่งที่มีการสำรวจในรายงานยังไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน จะต้องปรับปรุงและมุ่งมั่นมากขึ้นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อกรกับวิกฤตมลพิษพลาสติกอย่างเร่งด่วน

 

รายงานนี้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อประเมินนโยบายและแนวทางการจัดการพลาสติกของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทย เพื่อประโยชน์สาธารณะ กรีนพีซ ประเทศไทยใช้แบบสำรวจที่ประกอบด้วยเกณฑ์ 4 ด้านหลัก คือ

ด้านนโยบาย(Policy) ด้านการลดพลาสติก(Reduction) ด้านนวัตกรรมและการริเริ่ม(Initiatives) และด้านความโปร่งใส(Transparency) ประกอบกับการสืบค้นข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงและสื่อสาธารณะ ช่วงเวลาการประเมินคือระหว่างเดือนมิถุนายน 2563-กุมภาพันธ์ 2564

 

Lotus’s ซึ่งอยู่ในลำดับต้นจากการประเมินครั้งนี้ มีคะแนนรวมเพียง 29.1% รองลงมาคือ Makro ซึ่งมีคะแนน 21.9% ส่วน Tops, 7-Eleven, CP Freshmart, Big C, FamilyMart, Gourmet Market, MaxValu, Foodland, Villa Market, และ CJ Express มีคะแนนรวมไม่ถึง 20% สะท้อนว่าธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทยจะต้องมีนโยบายและแผนปฏิบัติการที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อลดรอยเท้าพลาสติก (plastic footprint) ของตน

"พิชามญชุ์" กล่าวว่า พลาสติกทุกชิ้นที่ผ่านจากร้านค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นสามารถหลุดออกสู่สิ่งแวดล้อม ปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร ทำลายสุขภาพของมนุษย์ เร่งเร้าให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศและส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการต่อกรกับวิกฤตนี้ และต้องลงมือทำอย่างจริงจัง
 

  • กรีนพีซ ประเทศไทย เรียกร้องให้ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ลงมือทำ ต่อไปนี้ :

จัดทำยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนปฏิบัติการที่ระบุถึงเป้าหมายการเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งตลอดการดำเนินกิจการอย่างชัดเจน แก้ปัญหาตรงจุดและวัดผลได้จริง  ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทานของสินค้าทั้งหมด ทั้งสินค้าตราห้างและสินค้ายี่ห้ออื่น ๆ

ติดตามรอยเท้าพลาสติก(plastic footprint) ของบริษัท รายงานความคืบหน้าของบริษัทไปสู่เป้าหมายการลดพลาสติกในแต่ละปี และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งของบริษัทต่อสาธารณะ

ให้ความสำคัญกับการลดพลาสติก โดยปรับเปลี่ยนไปสู่การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และมุ่งไปสู่การลดจำนวนรวมของบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ใช่เพียงทำให้สินค้ามีน้ำหนักเบาลงเท่านั้น ตลอดจนกำจัดพลาสติกที่ไม่จำเป็นและพลาสติกที่จัดการได้ยากเป็นอันดับแรก

สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อทดแทนการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และนำระบบใช้ซ้ำและระบบเติมสินค้าที่ไม่สร้างขยะพลาสติกมาผนวกกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อการลดค่าใช้จ่ายด้านบรรจุภัณฑ์และการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังลดการปล่อยคาร์บอนและเป็นทางออกที่ยั่งยืนของวิกฤตพลาสติก