ดร. มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT โพสต์เฟซบุ๊ก Mana Nimitmongkol บทความ เรื่อง จับตา อย่าให้ใครโกง โดยเนื้อหาในบทความระบุ ดังนี้
ข้อมูลจาก ACT Ai เผยให้เห็นความผิดปรกติในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐกว่า 8 หมื่นโครงการที่ซุกซ่อนอยู่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกฝ่ายรู้แต่ (ดูเหมือนจะ) ทำอะไรไม่ได้
บทความนี้จะเปิดเผย 10 หน่วยงานที่มีการจัดซื้อฯ แล้วมีความผิดปรกติที่ส่อถึง “ความเสี่ยงที่จะเกิดคอร์รัปชัน” มากที่สุด และคำอ้างที่ว่า “จัดซื้อถูกระเบียบ เป็นไปตามขั้นตอน” แต่จริงๆ แล้วเขาโกงกันได้อย่างไร
10 อันดับหน่วยงานที่มีโครงการจัดซื้อน่าจับตามอง
ข้อมูลและวิธีประเมิน
ACT Ai รวบรวมข้อมูลจากระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง ในการตรวจจับความผิดปรกติ ระบบจะแสดงเครื่องหมายแจ้งเตือนสีเหลือง ⚠️ เมื่อโครงการนั้นๆ ส่อให้เห็นความเสี่ยงที่ผิดปกติในการเสนอราคา (ไม่ใช่การตัดสินว่าเกิดคอร์รัปชันแล้ว) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
เช่น มีผู้ซื้อซองจำนวนมากแต่เข้าเสนอราคาน้อยราย มีการเกาะกลุ่มเสนอราคาที่ใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน มีผู้ที่ชนะการประมูลเพียงรายเดียวที่เสนอราคาต่ำสุด บริษัทที่ได้งานเสนอราคาเท่าราคากลางหรือต่ำกว่าเพียง 0 - 1% ในขณะที่รายอื่นๆ เกาะกลุ่มเสนอสูงกว่าราคากลาง เป็นต้น
การประเมินนี้รวมถึงกรณีที่เรียกกันทั่วไปว่า “ฮั้วแตก” และ “ฟันราคา” เพื่อให้ได้งาน ที่จะมีราคาประมูลต่ำผิดปรกติ 20 – 70% กรณีเช่นนี้หน่วยงานอาจได้รับผลดีคือ จ่ายเงินน้อย ต้นทุนต่ำ หรืออาจเกิดผลเสียเพราะคู่สัญญาอาจส่งมอบงานไม่ได้ เนื่องจากราคาต่ำเกินจริงมาก
ยังมีพฤติกรรมแวดล้อมอีกมากที่ต้องอาศัยการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม เช่น มีการหมุนเวียนกันยื่นประมูลงานในหลายโครงการโดยผลัดกันเป็นผู้ยื่นราคาต่ำสุด (ผู้ชนะ) หรือราคาสูงกว่า (คู่เทียบ) ผู้ยื่นประมูลหลายรายใช้เอกสารเงินค้ำประกันซองจากแหล่งเดียวกันหรือใช้หลักทรัพย์เดียวกัน ผู้ยื่นประมูลหลายรายใช้ที่อยู่หรือสถานที่ติดต่อที่เดียวกัน เป็นต้น
โกงซ่อนเงื่อน
การจัดซื้อภาครัฐมักเป็นไปตามแบบแผนที่ต้องมีคณะกรรมการ มีการอนุมัติตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ความจริงแล้วการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนมีช่องให้บุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถเจรจาวางแผนโกงได้ เช่น
1. ขั้นตอนเขียนโครงการ ของบประมาณ อาจมีการวิ่งเต้นให้อนุมัติโครงการหรืองบประมาณ แบ่งการจัดซื้อเป็นหลายโครงการให้วงเงินน้อยลง ใช้วิธีพิเศษในการจัดซื้อ
2. ขั้นตอนเขียนทีโออาร์ มีการล็อคสเปกหรือวางเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง
3. ขั้นตอนเปิดประมูลหรือจัดซื้อโดยวิธีอื่น มีการฮั้วประมูล สมยอมราคา แบ่งงานกันไว้ก่อน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม กีดกันหรือเปิดเผยความลับแก่คู่แข่งขันบางราย
4. ขั้นตอนทำสัญญาและบริหารสัญญา มีการรับสินบน ช่วยเหลือเอกชน ทำให้รัฐเสียเปรียบ มีการลักสเปก ลดเนื้องาน แก้แบบ เพิ่มเนื้องาน โยนภาระค่าใช้จ่ายบางอย่างให้หน่วยงาน
5. ขั้นตอนรับมอบงาน ส่งงานไม่ได้คุณภาพหรือผิดเงื่อนไข ยกเว้นค่าปรับหรือปรับน้อยเกินจริง จ่ายเงินผิดเงื่อนไข เอกชนฉ้อโกงหน่วยงานแต่ไม่ถูกขึ้นบัญชีผู้ทิ้งงาน เป็นต้น
ขั้นตอนเขียนทีโออาร์และการประมูล ถือเป็นสองช่วงสำคัญที่มีการโกงอย่างเป็นระบบเกิดขึ้นมากที่สุด
ข้อเสนอแนะ
1. สร้างระบบปัญญาประดิษฐ์เช่นเดียวกับ ACT Ai ให้มีศักยภาพมากขึ้น ดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น ธนาคาร กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจ ฯลฯ ทำงานเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น
2. หน่วยงานรัฐต้องกำหนดเงื่อนไขการจัดซื้อฯ ที่จูงใจและเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าแข่งขันมากๆ เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานเอง
3. นอกจากหน่วยงานต้องเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานให้ครบถ้วนแล้ว เอกชนทุกรายที่สมัครใจเข้าประมูลงานเพื่อประโยชน์ทางการค้าก็ต้องยินยอมให้รัฐเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เพื่อให้สาธารณชน สื่อมวลชนและผู้ประกอบการอื่นตรวจสอบความถูกต้อง
4. กำหนดมาตรฐานการบันทึกข้อมูลในระบบของกรมบัญชีกลางและหน่วยงานจัดซื้อ ให้มีรูปแบบไฟล์/เอกสารที่คอมพิวเตอร์สามารถนำไปศึกษา - วิเคราะห์ได้ง่ายโดยหน่วยตรวจสอบ (สตง. ป.ป.ช. ป.ป.ท.) และผู้สนใจ
5. หัวหน้าหน่วยงานรัฐต้องทำการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างครบวงจร และวางมาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างจริงจัง รวมถึงต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ACT Ai เครื่องมือสู้โกงภาคประชาชน มีข้อมูลการจัดซื้อฯ ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 รวมทั้งหมด 22,182,987 โครงการ ในจำนวนนี้พบโครงการที่ใช้ e-bidding และมีเครื่องหมายแจ้งเตือนว่า “เสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติ” ทั้งสิ้น 80,866 โครงการ!!
#ตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ #ActAi #เครื่องมือสู้โกงภาคประชาชน