วันนี้( 10 ม.ค.65) นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด- 19 ว่า จากการสุ่มตัวอย่างสายพันธุ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 35.17 % ยอดรวมสะสม ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 5,397 ราย
ทั้งนี้พบสายพันธุ์โอมิครอน แล้ว 71 จังหวัด โดยมี 6 จังหวัดที่ยังไม่พบการรายงานผู้ติดเชื้อโอมิครอน ได้แก่
สำหรับ 10 จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์ โอมิครอน มากที่สุด ได้แก่
ทั้งนี้ ย้ำการตรวจ เชื้อโควิด-19 เพื่อดูสายพันธุ์ขณะนี้ยังเป็นการตรวจเฉพาะเจาะจง ซึ่งกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศไทยเข้าไทย แล้วพบติดเชื้อโควิด-19 จะมีการตรวจหาสายพันธุ์ทุกคน โดยพบร้อยละ 90 เป็นสายพันธุ์ โอมิครอน ซึ่งการตรวจหาสายพันธุ์ไม่ได้แยกผู้ป่วย แต่เพื่อดูสถานการณ์การระบาดภาพรวมของประเทศไม่จำเป็นต้องตรวจค้าสายพันธุ์ทุกคนที่ติดเชื้อ
ส่วนการรายงานพบ เดลตาครอน นายแพทย์ศุภกิจ ระบุว่า รายงานจากต่างประเทศ ไซปรัสส่งข้อมูลไปให้ GSAID 24 ตัวอย่าง เป็นการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และพบว่าในจำนวนตัวอย่างนั้น มีการกลายพันธุ์ทั้งเดลตา และ โอมิครอนด้วยกัน เมื่อเอาข้อมูลมาดูพบว่าเป็นจริงตามรายงาน แต่ส่วนที่เป็น โอมิครอน เหมือนกันกับ 24 ตัวอย่าง แต่ส่วนที่เป็นเดลตามีความแตกต่างนัยยะสำคัญ คือ หากเป็นสายพันธุ์ใหม่ เดลตาครอน คงต้องตรวจเชื้อเจอทั้ง 2 ชนิด ดังนั้น 24 ราย ของไซปรัส พบว่า มีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกัน แต่มีโอมิครอนเหมือนกันหมด
ทำให้ 24 ราย ยังจัดชั้นการค้นพบอยู่ในสายพันธุ์เดลตา ข้อมูลดังกล่าวน่าจะเกิดจากการปนเปื้อน ในห้องปฏิบัติการ สารพันธุกรรมของเชื้อโอมิครอนในตัวอย่างผู้ติดเชื้อ เดลตา ซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดทำให้พบ 2 สายพันธุ์ในตัวอย่างเดียวกัน ส่วนการติดเชื้อร่วมหลายสายพันธุ์ในคนเดียวมีโอกาสน้อยมาก จากข้อมูลโอกาสที่เกิดจากสายพันธุ์ผสมในตัวอย่างเดียวกัน หรือ ไฮบริด หรือสายพันธุ์ใหม่มีความเป็นไปได้ต่ำมาก
ส่วนชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 แอนติเจนเทสคิท กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้นำชุดตรวจ แอนติเจนเทสคิทที่ผ่านการอนุมัติ อย. 100 กว่าชนิด สุ่มมา 8 ยี่ห้อ พบว่า ผลการทดสอบชุดตรวจจำนวน 8 ยี่ห้อ ชุดตรวจทุกชุดสามารถตรวจจับเชื้อโควิด-19 ได้ และปัจจุบัน ยังไม่มีชุดตรวจคัดกรองโควิด-19หรือ แอนติเจนเทสคิท ที่ตรวจหาสารพันโอมิครอนเฉพาะ
การวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโควิด-19 หากเป็นผู้สงสัยติดเชื้อ จะเริ่มด้วยการตรวจ ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจนเทสคิทก่อน หากพบผลบวกไม่มีอาการ หรืออาการน้อย และไม่มีความเสี่ยงทางการแพทย์ ก็จะเข้าสู่ระบบการรักษาตัวที่บ้าน และศูนย์พักคอยชุมชนแต่หากมีอาการ หรือมีความเสี่ยงทางการแพทย์ ก็จะถูกจับตรวจ rt-pcr และเข้าโรงพยาบาล
หากผลเป็นลบ ไม่มีอาการแต่มีประวัติเสี่ยง ก็จะต้องเฝ้าสังเกตอาการตัวเองกักตัวเอง และให้ตรวจ ATK ทุก 3 วันหรือเมื่อมีอาการ แต่หากไม่มีความเสี่ยงก็ให้ปฏิบัติตนเองตามมาตรการสาธารณสุข