ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565

22 ม.ค. 2565 | 02:11 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2565 | 07:25 น.

ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศปรับพื้นที่ควบคุมพื้นที่สีส้ม สีเหลือง สีฟ้า ล่าสุด ทั้งกำหนด 4ข้อคุมโควิด คุมขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผล 24 มกราคมนี้

ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศ 2 ฉบับเมื่อวันที่21 ม.ค. 2565  ได้แก่ 1.ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 42) และ 2.คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 3/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 เว็บไซต์ รราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน .. 2548 (ฉบับที่ 42) ลงนามโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศ ณ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2565 มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะอย่างต่อเนื่องนั้น
โดยที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเฉพาะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) สามารถแพร่ได้เร็วและมีโอกาสทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆและประเทศไทย ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของภาคประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังขันแข็งของพนักงานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง ได้ช่วยให้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุม

 

อย่างไรก็ดียังคงต้องเพิ่มการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อควบคุมการระบาดในบางพื้นที่เสี่ยงที่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะในชุมชนหรือสถานที่เสี่ยงที่มีการรวมกลุ่มของบุคคล จึงสมควรปรับปรุงมาตรการการควบคุมแบบบูรณาการให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุข
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ให้ ศบค. มีคำสั่งปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์ และกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเป็นไปตามแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการที่กำหนดไว้สำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่างๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้มาใช้บังคับ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

 

ข้อ 2 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่างๆ รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ได้แก่ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงบรรดามาตรการหลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดขึ้นภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป

 

ข้อ 3 การปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว สำหรับพื้นที่ที่ประกาศเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพื่อการเปิดสถานที่ กิจการ และกิจกรรมสำหรับพื้นที่สถานการณ์ที่จำแนกเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 3 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 41) ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565 โดยให้ปรับมาตรการควบคุม ดังนี้

 

การบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) จะเปิดให้บริการได้เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration) ในระดับ SHA PLUS ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือผ่านการตรวจมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID-19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus) ของกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยแล้วเท่านั้น และให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ไม่เกินเวลา 23.00 นาฬิกา

 

ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณากำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละพื้นที่

 

ข้อ 4 มาตรการเฝ้าระวังเพื่อควบคุมการระบาดของโรคในสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค การให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในพื้นที่เฝ้าระวังสูง (พื้นที่สีเหลือง) ที่ได้ผ่อนคลายให้ดำเนินการได้ตามข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ด้วย

 

สำหรับสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันทั่วราชอาณาจักร ยังคงจำเป็นต้องปิดดำเนินการไว้ก่อน แต่หากประสงค์ปรับรูปแบบของสถานที่เพื่อการให้บริการในลักษณะที่เป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสามารถขออนุญาตดำเนินการได้โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 4 แห่งข้อกำหนด (ฉบับที่ 41) ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป

 

อ่านราชกิจจาฯฉบับเต็มคลิ๊กที่นี่

 

ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565 ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565 ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565

 

นอกจากนี้ราชกิจจาฯยังประกาศพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว มีข้อความดังนี้

 

วันที่ 21 มกราคม 2565 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 3/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 สั่ง ณ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2565 มีรายละเอียดดังนี้

 

ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น

 

เพื่อให้การบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 (2) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยคำแนะนำของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกำหนดฯ สำหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่งนี้

 

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

 

สำหรับบัญชีรายชื่อจังหวัดที่กำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการแนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 3/2565 ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2565 มีดังนี้

 

พื้นที่ควบคุม (พื้นที่สีส้ม) รวมทั้งสิ้น 44 จังหวัด

 

1. จังหวัดกาฬสินธุ์

2. จังหวัดขอนแก่น (ยกเว้นอำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า และอำเภออุบลรัตน์)

3. จังหวัดจันทบุรี (ยกเว้นอำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอท่าใหม่)

4. จังหวัดฉะเชิงเทรา

5. จังหวัดชุมพร

6. จังหวัดเชียงราย (ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเวียงป่าเป้า)

7. จังหวัดเชียงใหม่ (ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม)

8. จังหวัดตรัง

9. จังหวัดตราด (ยกเว้นอำเภอเกาะกูด และอำเภอเกาะช้าง)

10. จังหวัดตาก

11. จังหวัดนครนายก

12. จังหวัดนครปฐม

13. จังหวัดนครราชสีมา (ยกเว้นอำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอสีคิ้ว)

14. จังหวัดนครศรีธรรมราช

15. จังหวัดน่าน

16. จังหวัดบุรีรัมย์ (ยกเว้นอำเภอเมืองบุรีรัมย์)

17. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ยกเว้นเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก)

18. จังหวัดปราจีนบุรี

19. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ยกเว้นอำเภอพระนครศรีอยุธยา)

20. จังหวัดพัทลุง

21. จังหวัดเพชรบุรี (ยกเว้นเทศบาลเมืองชะอำ)

22. จังหวัดพะเยา

23. จังหวัดมหาสารคาม

24. จังหวัดมุกดาหาร

25. จังหวัดแม่ฮ่องสอน

26. จังหวัดยโสธร

27. จังหวัดร้อยเอ็ด

28. จังหวัดระนอง (ยกเว้นเกาะพยาม)

29. จังหวัดระยอง (ยกเว้นเกาะเสม็ด)

30. จังหวัดราชบุรี

31. จังหวัดลพบุรี

32. จังหวัดศรีสะเกษ

33. จังหวัดสงขลา

34. จังหวัดสตูล

35. จังหวัดสมุทรปราการ (ยกเว้นบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)

36. จังหวัดสมุทรสงคราม

37. จังหวัดสมุทรสาคร

38. จังหวัดสระแก้ว

39. จังหวัดสระบุรี

40. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ยกเว้นเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย)

41. จังหวัดสุรินทร์ (ยกเว้นอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอท่าตูม)

42. จังหวัดอุดรธานี (ยกเว้นอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และอำเภอหนองหาน)

43. จังหวัดอุบลราชธานี

44. จังหวัดอำนาจเจริญ

 

พื้นที่เฝ้าระวังสูง (พื้นที่สีเหลือง) รวมทั้งสิ้น 25 จังหวัด

 

1. จังหวัดกำแพงเพชร

2. จังหวัดชัยนาท

3. จังหวัดชัยภูมิ

4. จังหวัดนครพนม

5. จังหวัดนครสวรรค์

6. จังหวัดนราธิวาส

7. จังหวัดบึงกาฬ

8. จังหวัดปัตตานี

9. จังหวัดพิจิตร

10. จังหวัดพิษณุโลก

11. จังหวัดเพชรบูรณ์

12. จังหวัดแพร่

13. จังหวัดยะลา

14. จังหวัดลำปาง

15. จังหวัดลำพูน

16. จังหวัดเลย (ยกเว้นอำเภอเชียงคาน)

17. จังหวัดสกลนคร

18. จังหวัดสิงห์บุรี

19. จังหวัดสุโขทัย

20. จังหวัดสุพรรณบุรี

21. จังหวัดหนองคาย (ยกเว้นอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอสังคม)

22. จังหวัดหนองบัวลำภู

23. จังหวัดอ่างทอง

24. จังหวัดอุตรดิตถ์

25. จังหวัดอุทัยธานี


บัญชีรายชื่อจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 3/2565 ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2565

 

พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (พื้นที่สีฟ้า) รวมทั้งสิ้น 26 จังหวัด

1. กรุงเทพมหานคร

2. จังหวัดกระบี่

3. จังหวัดกาญจนบุรี

4. จังหวัดขอนแก่น (เฉพาะอำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเอยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า และอำเภออุบลรัตน์)

5. จังหวัดจันทบุรี (เฉพาะอำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอท่าใหม่)

6. จังหวัดชลบุรี

7. จังหวัดเชียงราย (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเวียงป่าเป้า)

8. จังหวัดเชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม)

9. จังหวัดตราด (เฉพาะอำเภอเกาะกูด และอำเภอเกาะช้าง)

10. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอสีคิ้ว)

11. จังหวัดนนทบุรี

12. จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์)

13. จังหวัดปทุมธานี

14. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก)

15. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เฉพาะอำเภอพระนครศรีอยุธยา)

16. จังหวัดพังงา

17. จังหวัดเพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ)

18. จังหวัดภูเก็ต

19. จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม)

20. จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)

21. จังหวัดเลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน)

22. จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)

23. จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย)

24. จังหวัดสุรินทร์ (เฉพาะอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอท่าตูม)

25. จังหวัดหนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่ออำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอสังคม)

26. จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และอำเภอหนองหาน)

 

อ่านราชกิจจาฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่

 

ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565 ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565 ราชกิจจาฯประกาศปรับพื้นที่คุมโควิดล่าสุด-คุมขายแอลกอฮอล์มีผล24ม.ค.2565