วัคซีนตัวใหม่สู้โอมิครอน หมอเฉลิมชัยเผยไฟเซอร์เริ่มทดลองในมนุษย์

27 ม.ค. 2565 | 02:06 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2565 | 09:08 น.

วัคซีนตัวใหม่สู้โอมิครอน หมอเฉลิมชัยเผยไฟเซอร์เริ่มทดลองในมนุษย์ในอาสาสมัคร 1420 คน อายุ 18-55 ปี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

 


ความหวัง !! ไฟเซอร์เริ่มทดลองวัคซีนรุ่นใหม่ในมนุษย์แล้ว เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอน (Omicron)

 

 

นับจากที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน อยู่ในกลุ่มที่น่าเป็นกังวล (VOC) ลำดับที่ 5 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565

 

 

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดรวดเร็วไปกว่า 160 ประเทศทั่วโลก และในหลายประเทศได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักแซงหน้าไวรัสเดลตาเดิม

 

 

นอกจากนั้นยังพบว่าวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น และใช้ได้ผลดีพอสมควรกับอัลฟ่าและเดลตานั้น ได้ผลลดลงเมื่อพบกับโอมิครอน
 

โดยฉีดครบ 2 เข็ม มีประสิทธิผลในการป้องกันติดเชื้อเพียง 30% และฉีดเพิ่มเข็ม 3 ก็ได้ประสิทธิผลในการป้องกัน 60-70%

 

 

ทุกฝ่ายจึงมุ่งเป้าไปในการพัฒนาปรับปรุงวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ให้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอนโดยตรง

 

 

โดยในช่วงแรกนั้น บริษัท Pfizer ได้ออกมาแถลงว่า สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 100 วันหรือสามเดือน

 

 

เมื่อวานนี้ 25 มกราคม 2565 ทางบริษัทได้ออกมาแถลงว่าการ ปรับเปลี่ยนวัคซีนเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

ไฟเซอร์เริ่มทดลองวัคซีนรุ่นใหม่ในมนุษย์รับมือโอมิครอน

 

 

 

จะเริ่มทดลองในมนุษย์ได้แล้ว โดยจะทดลองในอาสาสมัคร 1420 คน อายุ 18-55 ปี

 

 

มีเป้าหมายเพื่อจะพิสูจน์เรื่องประสิทธิผลว่า ระดับภูมิคุ้มกันจะสูงเท่ากับเจน 1 ที่เคยรับมือสายพันธุ์เดิมได้หรือไม่ เมื่อวัคซีนเจน 2 พบกับไวรัสโอมิครอน

 

 

และต้องการพิสูจน์ว่าจะอยู่ได้นานมากน้อยเพียงใด ตลอดจนมีความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงในระดับใด

โดยจะแบ่งกลุ่มอาสาสมัครเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

 

 

  • ฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 2 เข็ม จะฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 อีก 1-2 โดส
  • ฉีดไฟเซอร์แล้ว 3 เข็ม จะฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนใหม่ 1 โดส
  • กลุ่มที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลย จะฉีดด้วยวัคซีนใหม่ 3 โดส

 

 

อย่างไรก็ตามมีนักวิชาการบางส่วนให้ความเห็นว่า การพัฒนาวัคซีนโดยเจาะจงไปที่ไวรัสสายพันธุ์เดียว(Singlevarent) น่าจะมีความเสี่ยงในอนาคต
ควรจะพัฒนาเป็นแบบหลายสายพันธุ์ (Multivarent) ทำนองเดียวกับไข้หวัดใหญ่

 

 

เพราะไวรัสก่อโรคโควิดมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ถ้าพัฒนาวัคซีนมุ่งไปที่โอมิครอน แล้วเกิดมีไวรัสอื่นขึ้นมาใหม่ ก็จะทำให้เดือดร้อนต้องพัฒนาวัคซีนเจนสามต่อไป

 

 

 

สำหรับการฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64-25 ม.ค.65 มีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 113,181,596 โดส แบ่งเป็น

 

 

  • เข็มที่ 1 จำนวน 52,130,059 ราย  
  • เข็มที่ 2 จำนวน 48,281,036 ราย
  • เข็มที่ 3 จำนวน 12,770,501 ราย