น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ความหวัง !! ไฟเซอร์เริ่มทดลองวัคซีนรุ่นใหม่ในมนุษย์แล้ว เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอน (Omicron)
นับจากที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน อยู่ในกลุ่มที่น่าเป็นกังวล (VOC) ลำดับที่ 5 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดรวดเร็วไปกว่า 160 ประเทศทั่วโลก และในหลายประเทศได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักแซงหน้าไวรัสเดลตาเดิม
นอกจากนั้นยังพบว่าวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น และใช้ได้ผลดีพอสมควรกับอัลฟ่าและเดลตานั้น ได้ผลลดลงเมื่อพบกับโอมิครอน
โดยฉีดครบ 2 เข็ม มีประสิทธิผลในการป้องกันติดเชื้อเพียง 30% และฉีดเพิ่มเข็ม 3 ก็ได้ประสิทธิผลในการป้องกัน 60-70%
ทุกฝ่ายจึงมุ่งเป้าไปในการพัฒนาปรับปรุงวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ให้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอนโดยตรง
โดยในช่วงแรกนั้น บริษัท Pfizer ได้ออกมาแถลงว่า สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 100 วันหรือสามเดือน
เมื่อวานนี้ 25 มกราคม 2565 ทางบริษัทได้ออกมาแถลงว่าการ ปรับเปลี่ยนวัคซีนเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว
จะเริ่มทดลองในมนุษย์ได้แล้ว โดยจะทดลองในอาสาสมัคร 1420 คน อายุ 18-55 ปี
มีเป้าหมายเพื่อจะพิสูจน์เรื่องประสิทธิผลว่า ระดับภูมิคุ้มกันจะสูงเท่ากับเจน 1 ที่เคยรับมือสายพันธุ์เดิมได้หรือไม่ เมื่อวัคซีนเจน 2 พบกับไวรัสโอมิครอน
และต้องการพิสูจน์ว่าจะอยู่ได้นานมากน้อยเพียงใด ตลอดจนมีความปลอดภัยหรือผลข้างเคียงในระดับใด
โดยจะแบ่งกลุ่มอาสาสมัครเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
อย่างไรก็ตามมีนักวิชาการบางส่วนให้ความเห็นว่า การพัฒนาวัคซีนโดยเจาะจงไปที่ไวรัสสายพันธุ์เดียว(Singlevarent) น่าจะมีความเสี่ยงในอนาคต
ควรจะพัฒนาเป็นแบบหลายสายพันธุ์ (Multivarent) ทำนองเดียวกับไข้หวัดใหญ่
เพราะไวรัสก่อโรคโควิดมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ถ้าพัฒนาวัคซีนมุ่งไปที่โอมิครอน แล้วเกิดมีไวรัสอื่นขึ้นมาใหม่ ก็จะทำให้เดือดร้อนต้องพัฒนาวัคซีนเจนสามต่อไป
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64-25 ม.ค.65 มีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 113,181,596 โดส แบ่งเป็น