ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 นายมุซซาเฟอร์ คายาซาน ชายชาวตุรกี วัย 56 ปี ในนครอิสตันบูล ตรวจเจอติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 78 ครั้งแล้ว ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว กักกันตัวจากครอบครัวทั้งที่บ้าน และอยู่ในโรงพยาบาลมายาวนานถึง 14 เดือนแล้ว จนนายคายาซานวิงวอนผ่านสื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือ ทำอย่างไรจึงจะมีโอกาสกลับมาชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องถูกกักกันตัวอีกต่อไป
สำหรับจุดเริ่มต้นที่ทำให้นายคายาซาน ซึ่งป่วยด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวต้องเผชิญชะตากรรม ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อเนื่องมามากถึง 78 ครั้งแล้ว เริ่มตั้งแต่เขาติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย. 2563 และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ก่อนจะสามารถออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านในนครอิสตันบูลได้ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา
ทั้งนี้เมื่อเขาหายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกและออกจากโรงพยาบาล ปรากฏว่า นายคายาซาน ต้องกักตัวต่ออีก 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐ แต่ปรากฏว่าผลตรวจหาเชื้อ ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ออกมาเป็นบวกทั้งหมด จึงทำให้นายคายาซานต้องกักตัวคนเดียวในบ้าน สามารถมองเห็นลูกเห็นหลานผ่านทางหน้าต่างเพียงบานเดียวเท่านั้น
แพทย์ที่ให้การรักษานายคายาซาน บอกถึงสาเหตุที่ทำให้นายคายาซานตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลออกมาเป็นบวกตลอดว่าเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเขาอ่อนแอ เนื่องมาจากป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำให้เชื้อไวรัสค้างอยู่ในร่างกายได้นานขนาดนี้ แม้ว่าแม้ว่าแพทย์จะจ่ายยาเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แต่ต้องใช้เวลานานและไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะที่ภรรยาของนายคายาซาน ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับสามีที่ต้องกักกันตัว ปรากฏว่าผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของเธอ ออกมาเป็นลบทั้งสองครั้ง ส่วนลูกชายที่อยู่ใกล้ชิดกับนายคายาซาน ปรากฏว่าผลตรวจโควิด-19 ก็ออกมาเป็นลบเช่นกัน
ที่ผ่านมามูซัฟเฟอร์ คายาซาน (Muzaffer Kayasan) วัย 56 ปี เริ่มติดโควิด-19 เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2020 และถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ยังพบว่า เชื้อไวรัสไม่ยอมหมดไปจากร่างกายของเขา และไม่ว่าจะตรวจกี่ครั้งๆ ผลก็ออกมาเป็น “บวก” ทำให้เขาจำเป็นต้องกักตัวต่อมาเรื่อยๆ ทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้าน ส่งผลให้การกักตัวนานกว่า 1 ปี ของเขาเริ่มเผชิญปัญหาเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม ญาติ และเพื่อน เพราะมีเพียงภรรยากับลูกชายคนเล็กเท่านั้นที่คอยดูแล ส่วนหลานๆ ต้องพูดคุยกันผ่านกระจกตลอดเวลา