เพจ พุทธทาสภิกขุ คำสอนท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ เผยแพร่ธรรมเทศนา มาฆบูชาเทศนา ปี 2527 กัณฑ์ 1 บ่ายของ พระธรรมโกศาจารย์ หรือ พุทธทาสภิกขุ ที่อธิบายความหายของวันมาฆบูชา และหัวข้อธรรมะโอวาทปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้าที่ทรงนำมาแสดงในท่ามกลางมหาสังฆสันนิบาต ไว้ดังนี้
โอวาทปาติโมกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงขึ้นในท่ามกลางสงฆ์นั้นมันมีลักษณะเหมือนกับอะไรสำหรับพวกเราชาวโลก อาตมามีความเห็นว่า ถ้าจะเปรียบแล้วก็เปรียบเหมือนกับรัฐธรรมนูญ เป็นวันรัฐธรรมนูญของสัตว์โลกทั้งปวง
โอวาทปาติโมกข์ มีอยู่ 3 ชุด : ชุดสรุปทั่วไป, ชุดสำหรับบรรพชิต และ ชุดสำหรับฆราวาส
1.ชุดทั่วไป ที่เราสวดกันท่องกันอยู่เป็นประจำว่า
ท่านทั้งหลายอุตส่าห์กำหนดจดจำไว้ดี ๆ ว่า หัวข้อธรรมะสูงสุดๆ จนพระพุทธเจ้าท่านทรงนำมาแสดงในท่ามกลางมหาสังฆสันนิบาตซึ่งประกอบด้วยพระอรหันต์ ว่ามันเป็นหลักทั่วไปสำหรับความเป็นพระอรหันต์หรือว่าสำหรับความดับทุกข์ในทุกระดับชั้น นี้เรียกว่าผู้ที่จะเป็นสาวกของพระพุทธเจ้านั้นต้องปฏิบัติตามหลักเหล่านี้ให้ดีที่สุด ทุกอย่างมันก็จะเป็นไปในทางดี
.
2.ชุดสำหรับบรรพชิต
นี้เป็น 4 หัวข้ออย่างนี้ พอจะมองเห็นได้ว่ามุ่งหมายสำหรับบรรชิต
3.ชุดสำหรับฆราวาส
6 อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
.
ท่านทั้งหลายลองสังเกตดูให้ดี ๆ ข้อว่า ไม่กล่าวร้าย ๆ แต่เดี๋ยวนี้ถ้าเรามีหูคิด เราจะได้ยินเสียงตะโกนด่ากันก้องไปทั้งโลก ก้องไปทั้งอากาศในบรรยากาศของโลกนี้มีแต่เสียงด่า ฝ่ายโน้นก็ด่าฝ่ายนี้ ฝ่ายนี้ก็ด่าฝ่ายโน้น คือด่าทางวิทยุ เขาด่ากันอยู่ตลอดเวลา นี้ไม่กล่าวร้ายอะไรได้ เปิดวิทยุฟังมันก็จะพบเสียงซึ่งฝ่ายหนึ่งด่าฝ่ายหนึ่ง
จะระบุตรง ๆ ก็ได้ว่า ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ด่าฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยก็ด่าฝ่ายคอมมิวนิสต์ มันก้องไปทั้งโลกในทุก ๆ อณู นี้มันตรงกันข้ามเอาเสียเลยกับความประสงค์ของพระพุทธเจ้าว่าอย่ากล่าวร้าย ๆ แต่มันก็มีการกล่าวร้ายก้องอยู่ในบรรยากาศทั่วโลก
.
ข้อว่าไม่ทำร้าย นี้มันก็ทำร้ายกันอยู่ทั่วโลก เดี๋ยวนี้ทำร้ายกันอยู่ทั่วโลก เล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านในเมืองนี้ก็มีทำร้ายกันอยู่ทั่วโลก สถิติอาชญากรรมมันเพิ่มขึ้น #เพราะความเจริญของกิเลส เพราะมนุษย์ผลิตแต่ปัจจัยที่ส่งเสริมกิเลส เรื่องสวยเรื่องงาม เรื่องหวานเรื่องหอมเรื่องเอร็ดอร่อย เรื่องอะไรต่าง ๆ นี้มันเห็นแก่ตัวมากขึ้นแล้วมันก็ทำร้ายกันอย่างยิ่ง จนกระทั่งในกรุงเทพเองมันไม่มีที่ปลอดภัยจากอันธพาลเสียแล้ว ทีนี้เมื่อทำร้ายกันถึงขนาดที่เรียกว่าเป็นสงคราม
.
เดี๋ยวนี้สงครามมีอยู่หลายแห่งหลายจุดในโลก ที่บนดินก็ยิงกันด้วยปืนด้วยอาวุธ ที่ใต้ดินก็ใช้วิถีทางอุบายที่จะทำร้ายฝ่ายอื่น เรียกว่าสงครามใต้ดินนี้ทำกันอยู่ตลอดเวลา ทำกันทุกฝ่าย มุ่งหมายจะทำลายฝ่ายตรงกันข้ามให้วินาศไป เรียกว่าสงครามใต้ดินมันก็ทำกันอยู่ตลอดเวลาทั่วไปทั้งโลก เดี๋ยวนี้โลกมันมีการทำร้ายซึ่งกันและกัน
.
ทีนี้ข้อว่ารู้ประมาณในการบริโภค รู้ประมาณในการบริโภคแต่พอดี ใช้คำว่า กินอยู่แต่พอดี เดี๋ยวนี้คนเขาอยากจะกินดีอยู่ดีไม่มีประมาณ
.
คนสมัยนี้จะกินดีอยู่ดีไม่มีประมาณ เขาไม่อยากจะมีประมาณ พอหาเงินมาได้เท่าไรก็กินหมด ถ้ายังหาไม่ทันก็เป็นหนี้ไว้ก่อนได้เพื่อกิน เพื่อกินอาหารมื้อละพันบาท มื้อละหมื่นบาท มันไม่อยากจะมีประมาณในการกินในการบริโภคคนสมัยนี้
.
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าให้มีประมาณ รู้ประมาณในการบริโภค แต่มนุษย์มันทำตรงกันข้าม มันไม่อยากจะมีประมาณ ขอให้ท่านคิดดู มันตรงกันข้ามเอาทีเดียวอย่างนี้
.
นั่งนอนในเสนาสนะอันสงัด ก็เราไม่อยากจะสงัด เราเปิดทั้งวิทยุ เปิดทั้งทีวี หรือเปิดอะไรก็ตามให้มันก้องไปทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งเรือนมีเครื่องมือที่จะทำได้ ในสมัยพุทธกาลเสียอีกเขาทำไม่ได้หรอก ที่เขาจะเปิดเพลงกันทั้งคืน เขาทำไม่ได้ สมัยนี้มันทำได้ แล้วมันก็ไม่ต้องการความสงัด นั่งทำงานแท้ ๆ ก็ยังเปิดวิทยุฟังไปพลาง
.
อาตมาเห็นเด็กคนหนึ่งเขานั่งเขียนอยู่ที่โต๊ะ แล้ววิทยุก็เปิดอยู่ข้าง ๆ ถามว่าทำอะไร เขาว่าทำการบ้าน เด็กทำการบ้านเปิดวิทยุอยู่ข้าง ๆ มันบ้าสักเท่าไร มันจะทำได้ดีเท่าไร มันไม่ชอบความสงบสงัด เพื่อจะส่งเสริมความถูกต้อง ความมีสติปัญญา การอยู่ในที่สงบสงัดนะมันส่งเสริมความมีสติปัญญา
.
พระศาสดาทุกพระองค์ทุกศาสนาทุกพระองค์ ตรัสรู้ในป่าทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตรัสรู้ในป่าในที่สงบสงัดทั้งนั้น นี่ขอให้คิดดูว่า ที่สงบสงัดนี้มันจำเป็นอย่างไร
.
ข้อสุดท้ายว่าความพากเพียรในการทำจิตให้ยิ่ง ทำจิตให้สูง นี้ดูจะยิ่งเดินคนละทางอีกแล้ว คนสมัยนี้มันต้องการทำจิตให้ทราม คนสมัยนี้มันต้องการทำจิตให้ต่ำไปตามอำนาจของกิเลส มันพอกพูนกิเลส มันสะสมกิเลส จิตนี้มันก็ต่ำ ตรงกันข้ามกับที่พระพุทธองค์ตรัสว่า จงพากเพียรทำจิตให้สูง
.
มนุษย์ในโลกสมัยนี้พากเพียรทำจิตให้อยู่ใต้อำนาจของกิเลสและปัจจัยแห่งกิเลส นึกคิดค้นหาแต่เรื่องที่จะส่งเสริมกิเลส มันก็เป็นเรื่องจิตทราม บูชาอบายมุขทุกอย่างทุกชนิด ล้วนแต่เป็นเรื่องทำให้จิตทราม
.
ถ้าดูให้ดี 6 ข้อนี้มันเป็นเหมือนกับธรรมนูญของสัตว์โลก ธรรมนูญของมนุษยชาติ ถ้าเปรียบก็เปรียบกันได้กับรัฐธรรมนูญ ประเทศชาติต้องมีธรรมนูญ สำหรับรัฐถือเป็นหลัก แล้วก็ปฏิบัติให้ถูกต้อง ทีนี้มนุษยชาติทั้งหมด ๆ ทั่วจักรวาลนั้นจะมีอะไรเป็นรัฐธรรมนูญ เรียกว่ามนุษยธรรมนูญ โลกธรรมนูญ ก็มีหลัก 6 ประการนี้
.
ไม่กล่าวร้าย ไม่ทำร้าย สำรวมในระเบียบวินัย รู้ประมาณในการบริโภค เสพเสนาสนะที่สงบสงัด ไม่ให้ได้เปรียบแก่กิเลส พากเพียรทำจิตให้ยิ่ง
.
หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะพอใจยินดีรับเอาธรรมนูญนี้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงประทานไว้สำหรับสัตว์โลกทั้งปวง เพื่อมนุษยชาติทั้งปวง
วันนี้เป็นวันพระอรหันต์ประชุมกันจนเรียกว่าเป็นวันพระอรหันต์ ความหมายที่มันจะชัดเจนก็คือว่าเป็น วันที่มนุษย์ประกาศชัยชนะ มนุษย์ทั้งปวงมีชัยชนะเหนือกิเลส โดยมีพระอรหันต์เหล่านั้นเป็นผู้ประกาศ ที่เขาเรียกภาษาการเมืองว่าวันประกาศอิสรภาพ
.
พระอรหันต์เขาประกาศอิสรภาพ เหนือกิเลส เหนือความทุกข์ ในท่ามกลางพระอรหันต์ผู้ประชุมกัน ขอให้ถือว่ามันเป็นวันชนะของมนุษย์เป็นทางการของสากลจักวาล
.
ดังนั้น มนุษย์ควรจะร่าเริงยินดีในวันนี้ ๆ วันมาฆบูชาวันนี้ คือวันที่มนุษย์สามารถชนะความทุกข์และกิเลสในสากลจักวาล ควรจะถือว่าเป็นวันวาเลนไทน์ที่แท้จริง ไม่ใช่วันวาเลนไทน์บ้า ๆ บอ ๆ
.
เมื่อวันที่ 14 ในวันนั้นนะมีข่าวฆ่าฟันกันด้วยความรักในหน้าหนังสือพิมพ์ตั้งหลายเรื่อง วันวาเลนไทน์ของกิเลส วาเลนไทน์ของความรักอย่างกิเลส มันก็ส่งดอกกุหลาบแดงกัน แล้วก็ฆ่ากันมีเลือดสีแดงเหมือนกันนั้นนะวันวาเลนไทน์บ้าๆ บอๆ
โลกนี้มันควรจะประกาศวันมาฆบูชานั้นแหละเป็นวันวาเลนไทน์ที่แท้จริง วันนี้เป็นวันที่มนุษย์ชนะข้าศึกของมนุษย์คือกิเลส เราก็ควรจะร่าเริงยินดี ประกาศเป็นวันที่ร่าเริงยินดีของมนุษย์ของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
.
วันนี้เป็นวันพระอรหันต์ซึ่งเป็นผู้ชนะสิ่งทั้งปวง พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ เหมือนกับเป็นธรรมนูญสำหรับสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จะปฏิบัติอยู่อย่างไม่ต้องมีทุกข์ แล้วก็วิวัฒนาการไปตามทางของความหลุดพ้นจนกระทั่งถึงพระนิพพาน
เรียบเรียงจาก มาฆบูชาเทศนา ปี 2527 กัณฑ์ 1 บ่าย โดย พุทธทาสภิกขุ
อ่านและฟังเพิ่มเติมคลิกที่นี่