นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 2/2565 ว่า ได้ให้นโยบายสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปเร่งดำเนินการให้มีการขายสลากฯ (ลอตเตอรี่) ผ่านแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือหรือแทปเล็ตทั้งหมด 100% หรือ 100 ล้านฉบับ เพื่อให้ไม่สามารถนำสลากเปลี่ยนมือเป็นทอด ๆ ขึ้นราคาขายเกิน 80 บาทได้ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่งวดวันที่ 2 พ.ค. 65 นี้
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เพิ่ม QR Code สำหรับผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียนสิทธิซื้อ-จองรอบใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคัดกรองผู้ได้รับสิทธิ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถสแกน QR Code ร้านค้าที่ขาย 80 บาท รวมถึงแจ้งร้านค้าที่ขายเกิน 80 บาทได้ ซึ่งการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มจะสามารถระบุตัวตนคนซื้อได้ เช่น นาย ก. ซื้อ ก็สามารถรับรางวัลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากนำไปขายต่อ ให้นาย ข. ก็ไม่สามารถนำมาขึ้นเงินรางวัลได้
นอกจากนี้ จะตรวจสอบจากรายการซื้อ-ขายสลากผ่านระบบแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และ "ถุงเงิน" ในขณะเดียวกันสำนักงานได้เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับ หน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือเป็นผู้ทำการสำรวจและตรวจสอบผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯไปพร้อมๆ กันกับการให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ ยืนยันตัวตนกับหน่วยงานที่สำนักงานฯ กำหนด
ทั้งนี้ผู้ค้าสลากทุกคนจะต้องขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ทุกคนต้องมี ซึ่งเรื่องนี้ง่ายอยู่แล้ว เมื่อได้โควตาคนละ 5 เล่ม สลากก็จะมีเลขระบุผู้ค้า สามารถนำไปใช้ขายผ่านแพลตฟอร์มได้ โดยใช้แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ถุงเงิน รับซื้อจ่าย ผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตอนนี้ 100% ทุกคนต้องมีโทรศัพท์มือถือหมด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในการลงทุนทำมาหากิน ส่วนผู้พิการที่อาจจะได้รับผลกระทบ ก็ต้องไปแก้ไขกันทีละเรื่อง
“ยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา อาจทำไม่ได้ 100% ตามที่ประชาชนคาดหวังไว้ เพราะปัญหาเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน โดยคณะทำงานมองว่าอาจแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่ก็มีเจตนาที่จะแก้ไขให้ได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง”
ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมาย และการเพิ่มมาตรการ หลักเกณฑ์การปฏิบัติในการรับสลากไปจำหน่าย เพื่อให้เกิดผลชัดเจนในการปฏิบัตินั้น สำนักงานสลากฯ ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า ได้มีการกำหนดมาตรการลงโทษตัวแทนจำหน่ายนิติบุคคล ประเภท สมาคม องค์กร มูลนิธิ ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา รวมถึงการตรวจพบบนแพลตฟอร์มของกลุ่มบุคคลที่จำหน่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยกำหนดช่วงระยะเวลาในการตรวจสอบ เป็น 4 ครั้ง
หากตรวจพบการกระทำความผิด ครั้งที่ 1 สำนักงานฯ จะมีหนังสือแจ้งเตือนให้ตรวจสอบ ควบคุมสมาชิก หากตรวจพบการกระทำความผิดซ้ำในครั้งต่อไป สมาคม องค์กร มูลนิธิ จะต้องถูกปรับลดจำนวนสลากที่สำนักงานฯ จัดสรรให้ โดยหากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 2 จะปรับลดสลากลง 25% ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 หากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 3 จะปรับลดสลากลง 50% ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2565 หากตรวจพบการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 4 จะปรับลดสลากลง 100% ของจำนวนสลากที่ตรวจพบการกระทำความผิด โดยจะมีผลในงวดวันที่ 16 กันยายน 2565 ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นว่า ควรพิจารณาบทลงโทษให้มีความเข้มข้นเด็ดขาดมากกว่านี้