เปิดประวัติ "สมเด็จพระวันรัต" มรณภาพแล้ว สิริอายุ 85 ปี 65 พรรษา

15 มี.ค. 2565 | 09:39 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มี.ค. 2565 | 17:24 น.

เปิดประวัติ สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรฯ มรณภาพแล้ว ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่ รพ.จุฬาฯ สิริอายุ 85 ปี 65

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ตามที่ นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากทางวัดบวรนิเวศวิหาร ว่า สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรฯ ละสังขารแล้ว เมื่อเวลา 14.22 น.ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
 

สำหรับประวัติของสมเด็จพระวันรัต มีนามเดิมว่า จุนท์ พราหมณ์พิทักษ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2479 ณ บ้านเกาะเกตุ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายจันทร์และนางเหล็ย พราหมณ์พิทักษ์

 

 

สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดคิรีวิหาร จ.ตราด จากนั้นเข้าพิธีบรรพชาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2491 ณ วัดคิรีวิหาร จ.ตราด โดยมีพระวินัยบัณฑิตเป็นพระอุปัชฌาย์ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2499 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

สมเด็จพระวันรัต

โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยบัณฑิต (ถาวร ฐานุตฺตโร) วัดคิรีวิหาร จ.ตราด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิสุทธิธรรมภาณ (แจ่ม ธมฺมสาโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จากสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร

 

รวมทั้งในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี วันที่ 9 เมษายน 2555 สมเด็จพระวันรัต ได้ปฏิบัติหน้าที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ นั่งพระเสลี่ยงกลีบบัว (พระยานมาศพระนำ) และราชรถน้อย (รถพระนำ) อ่านพระอภิธรรมนำขบวนพระอิสริยยศ ในการเคลื่อนพระศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงอีกวาระหนึ่ง

 

นอกจากนี้ได้รับภาระหน้าที่พิเศษ คือ การที่ได้รับมอบหมายจากเถรสมาคมเป็นผู้ตรวจสอบการคำนวณปฏิทินหลวง (ปฏิทินจันทรคติไทย) และให้ความเห็น ก่อนที่จะประกาศใช้ในแต่ละปี นอกจากนี้ยังเดินหมุดและคำนวณปฏิทินปักขคณนาสำหรับวันลงอุโบสถให้กับคณะสงฆ์ธรรมยุตด้วย

 

 

สมเด็จพระวันรัต

ลำดับสมณศักดิ์

– พ.ศ.2517 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระอมรโมลี


– พ.ศ.2431 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชสุมนต์มุนีศรีปริยัติบวรวิภูษิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี


– พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพกวี
ศรีปริยัติวิภูษิต ตรีปิฎกบัณฑิต ธรรมิกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี


– พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมกวี
ศรีธรรมประยุต วิสุทธิญาณนายก ตรีปิฎกบัณฑิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี


– พ.ศ.2543 ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ หรือรองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ พระพรหมมุนี ศรีวิสุทธิญาณนายก ธรรมสาธกวิจิตรปฏิภาณปริยัติวิธานกิจจการี ตรีปิฎกบัณฑิต ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

– วันที่ 5 ธันวาคม 2552 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ
ที่ สมเด็จพระวันรัต ศรีวชิรญาณวงศวิวัฒ ปริยัติพิพัฒนพงศ์ วิสุทธิสงฆปริณายก
ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณสุนทร ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี

 

ตำแหน่งงานปกครองคณะสงฆ์
– ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
– กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)
– แม่กองธรรมสนามหลวง
– ผู้อำนวยการมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย
– เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร
– ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม