นายกฯ เผย มติศบค.ชุดใหญ่ ไม่มีประกาศให้เลิกสวมหน้ากากอนามัย

18 มี.ค. 2565 | 06:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2565 | 13:18 น.

ชัดเจนแล้ว “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”เผยมติ ศบค.ชุดใหญ่ ยังไม่มีประกาศยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยข ขู่จัดคอนเสิร์ตไม่ปฏิบัติตามมาตรการ สั่งปิดทันที 

วันที่ 18 มี.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.45 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงข้อเสนอการจัดคอนเสิร์ตสามารถผ่อนคลายได้หรือไม่ รวมทั้งข้อเสนอให้ยกเลิกการสวมหน้ากากอนามันว่า ก็ให้ไปขออนุญาตให้จัดในที่แจ้ง จำนวนคนเท่าไรก็มีกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่การที่จะไปจัดในสถานที่ปิดมิดชิดที่เขายังไม่ให้เปิดก็จัดได้แค่ในลักษณะที่เป็นเหมือนร้านอาหาร ไม่กลัวกันหรือไง ไม่กลัวโควิดกันหรืออย่างไร 

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า สถานที่แบบนี้เมื่อเข้าไปเราไม่ได้ไปห้ามการแสดงดนตรี ก็ขอแสดงกันในที่ไม่ใช่พื้นที่ปิด ในส่วนพื้นที่เสี่ยงวันนี้ก็ตรวจเจอกันหลายพื้นที่ ก็สั่งการกำชับไปแล้วถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรการสั่งปิดทันที ต้องมีความผิดและรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะทำให้คนเดือดร้อน

 

ขอเตือนแล้วกันถ้าเราไม่อยากจะติดเชื้อ ไม่อยากให้คนในครอบครัวติดเชื้อก็ต้องระมัดระวังตัวเองในการใช้ชีวิต ยังคงต้องระวังอยู่ 

นายกฯ เผย มติศบค.ชุดใหญ่ ไม่มีประกาศให้เลิกสวมหน้ากากอนามัย

“หน้ากากยังคงต้องใส่อยู่ อย่าเพิ่งไปพาดหัวข่าวว่าจะเลิกถอดหน้ากาก เลิกนั่นเลิกนี่ มันยังไม่เลิก เพราะมติ ศบค.ยังไม่ออกตรงนี้ ก็พูดกันไปล่วงหน้ากันเอง มันเป็นประเด็นเข้าใจหรือไม่.” นายกฯ กล่าว

 

ส่วนมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ นายกฯ กล่าวว่า การประชุม ศบค.วันนี้เป็นเรื่องของการปรับมาตรการ ปรับโซนสีโควิด รวมถึงมาตรการทำอย่างไรให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย  ซึ่งตอนนี้เราเปิดประเทศแล้ว ก็มีการปรับปรุงมาตรการอยู่หลายอันที่มีรายละเอียดปลีกย่อย

 

สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นห่วงช่วงนี้คือสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทุกพื้นที่ที่มีการจัดงานต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องรับผิดชอบปฏิบัติตามมาตรการในการจัดงานสงกรานต์ ถ้าตรงไหนไม่ปฏิบัติตามต้องถูกปิด ก็ต้องระมัดระวังกัน เพราะเทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีไทยแต่โบราณ 

นายกฯ เผย มติศบค.ชุดใหญ่ ไม่มีประกาศให้เลิกสวมหน้ากากอนามัย

พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ฟังมาตรการของ ศบค.ด้วย และปฏิบัติให้ได้ตามนั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่มากขึ้น ซึ่งวันนี้สถานการณ์ในต่างประเทศก็มีมากกว่าเราเยอะ แต่มาตรการในการดูแลรักษาเราทำได้ดีกว่าเขา ทั้งเตียง ยารักษา ขณะนี้เราเพียงพอ เรื่องสำคัญอีกประการคือการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 วันนี้มีวัคซีนเพียงพอเตรียมไว้ถึง 3 ล้านกว่าโดส แต่คนก็ยังไม่ค่อยอยากมาฉีดกัน จึงต้องรณรงค์ให้มาฉีดกันมากขึ้น

 

ก็สั่งการให้มีการลงไปฉีดในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะมีการจัดงานต้องฉีดให้ได้มากที่สุด และให้ระมัดระวังกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว วันนี้มีปัญหาอีกอันคือกลุ่มผู้ที่มีโรคไต ที่จะต้องฟอกไต เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ไปฟอกไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดจึงมีความเสี่ยงสูง ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขในทุกมิติ เดี๋ยวโฆษก ศบค.จะชี้แจง ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุง

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการจะปรับให้เป็นโรคประจำถิ่นนั้นเป็นเพียงแผนงาน ถ้าเป็นไปได้สถานการณ์ดีขึ้นก็จะสามารถเดินไปสู่จุดนั้นได้ ยังไม่ได้หมายความว่าจะทำเลย เขามีขั้นตอนของเขา ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ก็เป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง ก็ต้องใช้วิธีการ มาตรการเดิมๆ ที่เราทำอยู่แล้วให้เข้มงวด