จากกรณีมีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับ การนำข้อมูลบัตรประชาชน หรือ ข้อมูลส่วนตัว ไปซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แล้วถูก มิจฉาชีพ นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้แอบอ้างหรือสร้างความเสียหาย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ที่หลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ในส่วนของตำรวจนั้น เพื่อเป็น การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปรามภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบตามกฎหมายอย่างจริงจัง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกัน ได้สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงภัยดังกล่าวและแนวทางในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
ที่มาและรูปแบบการก่อคดี
ยกตัวอย่างกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอเกี่ยวกับการนำข้อมูลบัตรประชาชนหรือข้อมูลส่วนตัวไปใช้สำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่ง อาจจะถูกมิจฉาชีพปลอมลายมือชื่อลงในสำเนาบัตรประชาชนแล้วนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือหลอกลวงผู้อื่น หากมีการแก้ไขข้อความในช่องชื่อ นามสกุล วันออกบัตร หรือวันหมดอายุ ลงในสำเนาบัตรประชาชน ไม่ว่าจะนำไปถ่ายสำเนาใหม่อีกครั้ง ถือเป็นการสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน แม้จะเป็นเพียงการแก้ไขข้อความลงในสำเนาบัตรประชาชนก็ตาม
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน ปลอมบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการและฐานใช้บัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 และพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวหากมีการกระทำผิดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ยังเข้าข่ายความผิด นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แนะ 3 แนวทางป้องกันและดำเนินการ
รองโฆษก ตร. กล่าวแนะนำ แนวทางในการป้องกันและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไว้ 3 ข้อ ดังนี้