ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยภายว่า สำหรับการประชุมแผนปฏิบัติการเดินรถ วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ว่า จะมีผู้โดยสารเริ่มทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 11 - 12 เมษายน 2565 และจะเดินทางกลับในระหว่างวันที่ 16 - 18 เมษายน 2565 โดย บขส. คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ใช้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเพิ่มขึ้นจากเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาประมาณ 30 % เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทาง ในเที่ยวไป เฉลี่ยวันละ 40,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 3,700 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับ คาดว่ามีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยวันละ 38,000 คน ใช้รถโดยสารประมาณ 3,700 เที่ยว
ส่วนในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันมีความผันผวนและมีแนวโน้มสูงขึ้น บขส.ยอมแบกรับภาระต้นทุนค่าน้ำมัน และยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วล่วงหน้าเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ได้แล้ว ผ่านช่องทางการจำหน่ายตั๋วของ บขส. อาทิ Application E-Ticket, เว็บไซต์ บขส. , เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว บขส., เคาน์เตอร์เซอร์วิส และตัวแทนจำหน่ายตั๋วของ บขส.ทั่วประเทศ
ดร.สัญลักข์ กล่าวต่อว่า การเตรียมความพร้อมในการจัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกประชาชน และป้องกันปัญหาผู้โดยสารตกค้าง บขส. ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่ประจำทางมาวิ่งเสริมเที่ยววิ่ง ประมาณ 700 คัน และได้ทำหนังสือขออนุญาตต่อนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก รวมทั้งได้ประสานขอเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางบก มาอำนวยความสะดวกออกใบอนุญาตนำรถออกวิ่งนอกเส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ระหว่างวันที่ 11 -12 ธันวาคม 2565
ด้านมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลฯ บขส. ได้เน้นย้ำให้พนักงานขับรถ บขส. ทุกคน ต้องมีผลตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ รวมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ให้ตรวจสารเสพติดและแอลกอฮอล์ พนักงานขับรถเช่นเดียวกัน นอกจากนี้รถโดยสารทุกคันที่นำมาวิ่งให้บริการต้องตรวจเช็คสภาพให้พร้อมใช้งาน มีการติดตั้งระบบ GPS ควบคุมความเร็วบนรถโดยสาร ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และบขส. จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาวที่มีระยะทางเกิน 400 กิโลเมตร
ขณะที่ด้านมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บขส.ยังคงมีการคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง โดยพนักงานประจำรถต้องตรวจหาเชื้อโควิด -19 แบบ Antigen Test Kit หรือ ATK ทุก 3 วัน มีการล้างทำความสะอาดรถโดยสารทุกคันก่อนนำมาวิ่งให้บริการ ตามมาตรการสาธารณสุข รวมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสาร สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ขณะใช้บริการที่สถานีขนส่ง และบนรถโดยสารตลอดการเดินทางรวมทั้งให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะหรือแพลตฟอร์มไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและที่สถานีขนส่งผู้โดยสารด้วย
อย่างไรก็ตามมาตรการด้านความปลอดภัยและการจราจร บขส. มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอความร่วมมือไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร สน.บางซื่อ, สน.ตลิ่งชัน และสน.ทองหล่อ สนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอำนวยความสะดวกการจราจรโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ ทั้ง 5 แห่ง และได้ตั้งจุดร้องเรียนบริเวณประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 และชั้น 3 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) รวมทั้งให้คำแนะนำประชาสัมพันธ์แก่ผู้โดยสาร โดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11-12 เมษายน 2565 ระหว่างเวลา 17.00 - 24.00 น. และจัดเตรียมห้องปฐมพยาบาล First Aid Room บริเวณชั้น 1 เพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินด้วย