ยาที่ใช้รักษาโควิด Ivermectin ลดเชื้อไวรัส-อาการรุนแรงได้หรือไม่ อ่านเลย

31 มี.ค. 2565 | 03:56 น.
อัปเดตล่าสุด :31 มี.ค. 2565 | 10:56 น.

ยาที่ใช้รักษาโควิด Ivermectin ลดเชื้อไวรัส-อาการรุนแรงได้หรือไม่ อ่านเลยที่นี่ หมอธีระชี้ยาที่สถานการณ์การระบาดของไทยยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รุนแรง กระจายทั่ว

ยาที่ใช้รักษาโควิดในปัจจุบันยังไม่มีแบบที่ใช้รักษาโดยตรง ยังคงเป็นยาที่ประยุกต์ใช้มาจากการรักษาโรคอื่นที่ใกล้เคียง 

 

ร.ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า 
31 มีนาคม 2565 ทะลุ 486 ล้าน

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,549,684 คน ตายเพิ่ม 3,759 คน รวมแล้วติดไปรวม 486,643,977 คน เสียชีวิตรวม 6,160,742 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้  เยอรมัน ฝรั่งเศส เวียดนาม และอิตาลี
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 89.64% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 78.34%

 

การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็น 42.13% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 31.55%

สถานการณ์ระบาดของไทย

 

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย

 

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 12 ของโลก

 

จบเสียทีกับเรื่องยาฆ่าพยาธิ

 

หลายเดือนที่ผ่านมา มีการปั่นกระแสข่าวทั่วโลกรวมถึงไทยเราด้วย ยุให้คนใช้ยาฆ่าพยาธิมารักษาโรคโควิด-19 (Covid-19)

 

ยาที่ใช้รักษาโควิด Ivermectin ลดเชื้อไวรัส-อาการรุนแรงได้หรือไม่

 

ล่าสุดวารสารทางการแพทย์ระดับโลก New England Journal of Medicine เผยแพร่ผลการวิจัย Randomized double-blind placebo-controlled trial เรื่องนี้เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของยาฆ่าพยาธิ Ivermectin และยาหลอก ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ประเทศบราซิล

 

ผลการศึกษาพบว่า Ivermectin ไม่ได้ช่วยลดปริมาณไวรัส ไม่ได้ช่วยลดอัตราการนอนรพ. การใช้บริการห้องฉุกเฉิน หรืออาการรุนแรงใดๆ
ดังนั้นจึงไม่ควรหลงเชื่อคำแนะนำยุยงให้ใช้ยา Ivermectin ในการรักษาโรคโควิด-19  

 

เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ...ทำในสิ่งที่ควรทำ

สถานการณ์การระบาดของไทยยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รุนแรง กระจายทั่ว
ยืนยันว่ายากมากที่จะประกาศเป็นโรคประจำถิ่นได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนนี้

 

สำหรับคนที่ปกติดี การเตรียมอุปกรณ์จำเป็น หยูกยาพื้นฐาน และวางแผนจัดการตนเองหรือครอบครัวยามที่ฉุกเฉินเกิดปัญหาคนในบ้านติดเชื้อขึ้นมา และมีเบอร์ติดต่อ และฝหรือไลน์ของบุคลากรทางการแพทย์ที่รู้จักเอาไว้ จะเป็นประโยชน์มากเวลาเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นมา และจะลดความเครียดกังวลไปได้ไม่มากก็น้อย

 

สถานการณ์ปัจจุบันคงเห็นแล้วว่า demand มากกว่า supply และนโยบายเกี่ยวกับการจัดระบบบริการดูแลผู้ติดเชื้อใหม่ที่เกิดขึ้นจำนวนมากในแต่ละวันนั้นยังมีปัญหามาก ทั้งเรื่องช่องทางการรับบริการ ยา รวมถึงกระบวนการสนับสนุน

 

สถานพยาบาลจำนวนมากกำลังประสบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรฝ่ายสนับสนุนเกิดติดเชื้อจำนวนไม่น้อยในแต่ละวันจากการปฏิบัติการหรือจากการใช้ชีวิตประจำวันส่วนตัวกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว จำเป็นต้องลดการบริการลง 

 

สวนทางกับนโยบายเจอแจกจบที่อาจส่งผลให้ประชาชนต้องมารับบริการที่สถานพยาบาลมากขึ้น แทนที่จะเป็นบริการแบบทางไกล นี่เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลกระทบแบบโดมิโน่ ทั้งในเรื่องภาระงานต่อบุคลากรและสถานพยาบาล ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแพร่เชื้อ รวมถึงภาระค่าใช้จ่าย เวลา และความลำบากในการเดินทางสำหรับประชาชน

 

คงจะเป็นประโยชน์ หากทาง ศบค.ทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ พิจารณาให้มีการประเมินแบบ 360 องศาทุกมิติ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายเจอแจกจบ มิใช่การประเมินความพึงพอใจในกลุ่มตัวอย่างจำนวนน้อยและระยะสั้นไม่กี่วัน

 

ใส่หน้ากากเสมอ เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนอื่นเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบาย ควรแจ้งคนใกล้ชิด แยกตัว และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน

 

คนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว ยังต้องป้องกัน เพราะติดเชื้อซ้ำได้ นอกจากนี้ยังควรประเมินสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากผิดปกติ สมรรถนะร่างกาย ความคิดความจำ หรืออารมณ์แตกต่างไปจากอดีต ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมและทันเวลา เพราะภาวะ Long COVID จะเกิดขึ้นได้