นางสาวลัดดา แซ่ลี้ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคมได้จัดเก็บเงินสมทบจากนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราฝ่ายละ 5% ของค่าจ้าง โดยจะแบ่งออกเป็น กรณีเจ็บป่วยอัตรา 1.06% กรณีคลอดบุตรอัตรา 0.23% กรณีทุพพลภาพอัตรา 0.13% กรณีตายอัตรา 0.08% รวมการจัดเก็บทั้ง 4 กรณี อัตรา 1.50% อีกทั้งได้แบ่งเป็นการจัดเก็บเงินสมทบอีก 3 กรณี คือ กรณีสงเคราะห์บุตรกับกรณีชราภาพ 3.00% และกรณีว่างงานอีกในอัตรา 0.50%
สำหรับการจัดเก็บเงินสมทบ 1.06% เพื่อดูแลรักษาผู้ประกันตน ในยามเจ็บป่วยนั้น สำนักงานประกันสังคมได้ให้สิทธิการรักษาในสถานพยาบาลตามมาตรฐานการให้บริการ ทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน โดยมีรายละเอียด คือ
สำนักงานประกันสังคมได้มีการควบคุมคุณภาพ การให้บริการของสถานพยาบาลในระบบประกันสังคม โดยมีการตรวจประเมินคุณภาพของสถานพยาบาล เป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจสอบความพร้อมของสถานพยาบาลตามมาตรฐานในด้านการบริการทางการแพทย์เป็นสำคัญ
หากพบสถานพยาบาลใด ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือมาตรฐานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ จะได้รับการลงโทษตามประกาศสำนักงานประกันสังคม คือ ว่ากล่าวตักเตือน ลดจำนวนโควตาผู้ประกันตน ในปีต่อไป ส่งเรื่องให้แพทยสภา หรือยกเลิกสัญญาจ้างแล้วแต่กรณี
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกันตนไม่ได้รับความสะดวก ในการเข้ารับบริการทางการแพทย์กับสถานพยาบาลในระบบประกันสังคม สามารถร้องเรียน มาได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ทั้ง 12 แห่ง หรือที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด / สาขา ทั่วประเทศที่ท่านสะดวก หรือโทร.1506 ตลอด 24 ชั่วโมง