โอมิครอนxe พบรายแรกแล้วในไทย รุนแรงหรือไม่ จะเป็นสายพันธุ์หลักไหม อ่านเลย

02 เม.ย. 2565 | 20:11 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2565 | 07:19 น.

โอมิครอนxe พบรายแรกแล้วในไทย รุนแรงหรือไม่ จะเป็นสายพันธุ์หลักไหม อ่านเลยที่นี่ หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลจาก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ของไทย เป็นผู้ติดเชื้อชาวไทย ที่อยู่ในกลุ่มอาการสีเขียว

โอมิครอน XE กำลังเป็นไวรัสโควิด-19 (Covid-19) กลายพันธุ์ที่ทั่วโลกกำลังจับตา โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ที่แพร่เชื้อติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ที่เราเคยประสบมา

 

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

ล่าสุด ไทยพบ Omicron XE รายแรกแล้ว

 

จากที่องค์การอนามัยโลกได้รายงานการตรวจพบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยใหม่คือ Omicron XE ซึ่งเป็นลูกผสมที่เกิดจากการรวมกันของสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง (BA.1) และสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2)

 

โดยเริ่มพบที่ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก ตั้งแต่ 19 มีนาคม 2565 จำนวน 637 ราย และได้รายงานอย่างเป็นทางการไปแล้วนั้น

 

ข้อมูลเบื้องต้น (ที่ยังไม่สามารถจะสรุปอย่างเป็นทางการได้) พบว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (OMC XE : Omicron XE) มีความสามารถในการแพร่ระบาดเร็วกว่า BA.2  10% และแพร่เร็วกว่าไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์หลักเดิม (B.1.1.529) 43%

จึงทำให้ทุกประเทศจะต้องติดตามข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่กันอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

เพราะในทุกครั้งที่มีการตรวจพบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์หลักเดิม ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดของไวรัสสายพันธุ์หลักของการระบาดในที่สุด ได้แก่

 

  • ไวรัส Alpha แพร่เร็วกว่าอู่ฮั่น 70% ในช่วงเมษายน 2564 ประเทศไทยก็มี Alpha เป็นสายพันธุ์หลักแทนสายพันธุ์อู่ฮั่น

 

  • ไวรัส Delta แพร่เร็วกว่าไวรัส Alpha 60% ในช่วงปลายปี 2564 Delta ก็เป็นสายพันธุ์หลักแทนสายพันธุ์ Alpha

 

  • ไวรัส Omicron แพร่เร็วกว่าไวรัส Delta 4-8 เท่า ในช่วงมกราคม 2565 ไวรัส Omicron ก็กลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนไวรัส Delta

 

โอมิครอนxe พบรายแรกแล้วในไทย

 

ในช่วงที่ Omicron ระบาดนั้น ช่วงแรกสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง (BA.1) เป็นสายพันธุ์หลักก่อน ในเวลาไม่นานนักสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) ก็ปรากฏขึ้นในประเทศไทย และด้วยความสามารถที่แพร่เร็วกว่า 30-40% ในขณะนี้ BA.2 ก็กลายเป็นสายพันธุ์หลักไปเรียบร้อยแล้ว

 

ถ้าไวรัสสายพันธุ์ย่อยลูกผสม Omicron XE แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) จริง ก็สามารถคาดคะเนได้ว่า  ไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศไทยต่อไป
 

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการแพร่ระบาด ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความรุนแรงในการก่อโรค และการดื้อต่อวัคซีน

 

ล่าสุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ของไทย ได้รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัส Omicron XE เคสแรกของประเทศไทยแล้ว

 

โดยเป็นผู้ติดเชื้อชาวไทย ที่อยู่ในกลุ่มอาการสีเขียวคือ มีอาการเล็กน้อย และหายดีเรียบร้อยแล้ว

 

เมื่อพบเคสแรกแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องที่คาดคะเนได้ไม่ยากว่า จะมีการแพร่ระบาดต่อไปในที่สุด

 

ส่วนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทน BA.2 หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

 

เพราะถ้าสายพันธุ์ใหม่แพร่เร็วกว่า ก็จะส่งผลกระทบ ทำให้การเข้าสู่จุดสูงสุดในระลอกที่สี่หรือระลอกมกราคม 2565 ล่าช้าออกไปอีก

 

ส่วนความรุนแรงในการก่อโรค การดื้อต่อวัคซีน ก็จะต้องติดตามข้อมูลข่าวสารกันต่อไป

 

ในกรณีที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในมิติการแพร่ระบาด ความรุนแรงในการก่อโรค ตลอดจนการดื้อต่อวัคซีน ทางองค์การอนามัยโลกก็จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งตั้งชื่อเป็นอักษรกรีกโบราณลำดับถัดไปคือ “พาย” (Pi)

อย่างไรก็ดี  WHO ประเมินว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” มีอัตราการแพร่ระบาด (growth advantage) เหนือกว่า BA.2 ถึง 10% อย่างไรก็ตามยังต้องรอข้อมูลจากทั่วโลกที่ร่วมด้วยช่วยกันอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอีกระยะหนึ่งเพื่อการยืนยัน”

 

ตามรายงานของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Services Agency) หรือ "UKHSA" ยืนยันเช่นเดียวกันว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า “BA.2” ประมาณ 10% และแพร่ได้รวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) ถึง 43%