6 เมษายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลัง ครม.มีมติเห็นชอบให้ออกจากราชการไว้ก่อน เรื่อง การกระทำความผิดของข้าราชการ กรณีชู้สาว ล่วงละเมิดทางเพศ คุกคามทางเพศ และการใช้สื่อออนไลน์ในการล่วงละเมิดทางเพศหรือคุกคามทางเพศ หากพบกระทำการผิดและมีหลักฐานเพียงพอเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการดำเนินการทางวินัยและจริยธรรมของข้าราชการนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด หากพบข้าราชการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง โดยมีหลักฐานชั้นต้นเพียงพอให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการสอบสวน
ทั้งนี้ ความคืบหน้าล่าสุด คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพคุรุสภา (กมว.) ได้มีมติดำเนินการกับครู อาจารย์ที่กระทำความผิดในลักษณะล่วงละเมิดทางเพศตามเงื่อนไข ทั้งนี้ เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพครูหรือผู้บริหารแล้ว มติ กมว.ให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ในระหว่างที่ผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จได้ ในกรณีที่เป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณร้ายแรงที่เป็นที่ประจักษ์ หรือมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแรงร้ายแล้ว เห็นได้ว่ามีเหตุให้สามารถพักใช้ใบอนุญาตฯ ไว้ก่อนได้
สำหรับการพักใบอนุญาตฯ ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องการละเมิดหรือนาจารทางเทศเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงความผิดเรื่องยาเสพติด และความผิดเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันด้วย ซึ่งถือว่าล้วนแล้วแต่เป็นความผิดร้ายแรง สามารถดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ต่อไป หรืออาจจะพักใช้ใบอนุญาตฯ แล้วแต่ผลการสอบสวนตามความรุนแรงของการกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ
นางสาวรัชดา รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีครูสอนสังคมศึกษาโรงเรียนในเมือง จ.สุรินทร์ มีพฤติกรรมกระทำอนาจารนักเรียน ม.3 ซึ่งเป็นลูกศิษย์ นั้น กระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการเร่งให้หน่วยงานในสังกัดทั้งศึกษาธิการจังหวัดสุรินทร์ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์เข้าไปเยียวยาดูแลเด็ก
ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดแล้ว พร้อมกับมีคำสั่งให้ครูคนดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อน จนกว่าจะดำเนินการสอบสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จหากปรากฎความผิดชัดเจนให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
นางสาวรัชดา รองโฆษกรัฐบาล กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องนี้ กำหนดเป็นวาระที่ต้องบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับให้วางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน รวมไปถึงปัญหายาเสพติด และการคอร์รัปชั่น หากพบการกระทำผิดให้รีบดำเนินการย้ายออกจากพื้นที่และเร่งดำเนินการสอบสวนโดยเร็วที่สุด
หากผิดจริงให้ลงโทษขั้นสูงสุด คือ ไล่ออกจากราชการ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ในส่วนของผู้บังคับบัญชาก็จะพิจารณาโทษด้วยที่ขาดการเอาใจใส่ ขาดการกำกับติดตาม ละเลยการปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
"นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำต้องทำโรงเรียนให้เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก บุคลากรทางการศึกษาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ หากพบว่า ประพฤติตัวไปในทางที่เสื่อมเสีย สร้างความเสียหายให้กับแบบพิมพ์ที่ดีของชาติ ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ต้องรีบจัดการ หวังให้บุคลากรทางการศึกษาเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นบุคลากรที่มีคุณค่า เป็นทึ่เคารพและศรัทธาของลูกศิษย์ตลอดไป" นางสาวรัชดา รองโฆษกรัฐบาล กล่าวย้ำ