ซากรถยนต์พุ่ง 5 ล้านคัน "นายกฯ"หนุนรีไซเคิล ลดฝุ่น-ต่อยอดอุตสาหกรรม

04 เม.ย. 2565 | 03:36 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2565 | 10:44 น.

นายกฯ หนุนรีไซเคิลรถยนต์เก่า ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดต้นทุน ลดการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ หลังพบรถยนต์เก่าใช้งานเกิน 20 ปี พุ่งกว่า 5 ล้านคัน พร้อมต่อยอดอุตสาหกรรมจัดการซากรถยนต์

 4 เม.ย.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการดำเนินการสนับสนุนการรีไซเคิลซากรถทั่วประเทศ ตามมาตรการรองรับขยะจากซากรถยนต์เก่าที่หมดอายุการใช้งานในประเทศ

 

อีกทั้งช่วยลดปริมาณการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ และช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดันการทำงานตามนโยบายเพื่อร่วมพัฒนาประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

 

จากสถิติประเทศไทยมีรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ทุกประเภท รวมทั้งสิ้น 5,033,307 คัน ซึ่งหากไม่ได้รีไซเคิลให้ถูกต้องเหมาะสม ในอีก 20 ปีข้างหน้า รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี จะเพิ่มเป็น 16 ล้านคัน

 

รถยนต์เก่าเหล่านี้หากนำมาใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาตามมาตรฐานจะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่น PM 2.5 ประกอบกับ การรีไซเคิลที่ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ จะสามารถนำทรัพยากรจากการแยกซากรถมาหมุนเวียนให้กลายเป็นชิ้นส่วนที่เป็น ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม ซึ่งจะลดปริมาณการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ซึ่งในรถยนต์หนึ่งคันมีสัดส่วนเหล็กมากถึง 69% 

 

ประเทศไทยโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการสาธิตสำหรับการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนที่คำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานเพื่อการรีไซเคิลทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมสำหรับซากยานพาหนะที่หมดอายุใช้งานในประเทศไทย (ELV Project: End-of-life Vehicles in Thailand)

 

ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO: New Energy and Industrial Technology Development)

 

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า จะเป็นโอกาสสร้างศักยภาพ และการแข่งขันให้ไทย โดยไทยจะเป็นต้นแบบการรีไซเคิลทั้งในประเทศ และในภูมิภาคเอเชีย ต่อไปในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์ และการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการแก้ไขปัญหาในภาพรวม
 

ในการแก้ไขแต่ละปัญหานั้น สามารถสร้างโอกาส สร้างลู่ทางพัฒนาประเทศร่วมกันไปด้วย นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการทำงานหาแนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อให้ธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิลรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานขยายตัว

 

นอกจากจะสร้างงานสร้างอาชีพ เกิดโอกาสการเติบโตของประชาชน ยังสามารถแก้ปัญหาลดขยะซากรถ นำรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานมาหมุนเวียนให้กลายเป็นชิ้นส่วนที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม และสามารถต่อยอดแนวความคิดให้ไทยเป็นต้นแบบเกิดระบบจัดการซากรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยนายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมหาแนวคิดต่อยอดทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด