ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้สูงอายุ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวานได้มีการเคาะเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการเบี้ยยังชีพในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 10,896,444 ล้านคน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่มเติมแบบขั้นบันได 100-250 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย. – ก.ย. 2565
สำหรับเกณฑ์ในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่เพิ่มเติมมา มีรายละเอียดอะไรบ้าง "ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมมานำเสนอดังนี้
1.อายุ 60 -69 ปี
- เดิมรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บ.ต่อเดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 100 บ.ต่อเดือน รวมเป็น 700 บ.ต่อเดือน
2.อายุ 70 -79 ปี
- เดิมรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 700 บ.ต่อเดือน จะรับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 150 บ.ต่อเดือน รวมเป็น 850 บ.ต่อเดือน
3.อายุ 80 -89 ปี
- เดิมรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 800 บ.ต่อเดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 200 บ.ต่อเดือน รวมเป็น 1,000 บ.ต่อเดือน
4.อายุ 90 ปีขึ้นไป
- เดิมรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000บ.ต่อเดือน จะได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษเพิ่ม 250 บาทต่อเดือน รวมเป็น 1,250บ.ต่อเดือน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนนี้ ผู้สูงอายุ 10 ล้าน จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพที่ได้รับอยู่เดิมแล้วบวกกับเงินช่วยเหลือพิเศษโอนตรงเข้าบัญชี จำนวนตั้งแต่ 700 – 1,250 บาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากปฏิทินการจ่ายเบี้ยยังชีพงวดเดือนเมษายน 2565 จะพบว่ามีการโอนเข้าบัญชีไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2565 ดังนั้นจึงคาดว่าเงินเพิ่มเติมของงวดเดือนเมษายน อาจจะทบไปจ่ายให้ในเดือนพฤษภาคม 2565 และจากการสอบถามไปยังกรมกิจการผู้สูงอายุ ก็ได้รับคำตอบเบื้องต้นว่ากระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ดำเนินการหลังจากนี้
อัพเดทข้อมูลล่าสุด(วันที่ 10 พ.ค.65) "ฐานเศรษฐกิจ"ได้สอบถามข้อมูลไปยังกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ และได้รับคำตอบว่า "ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำเรื่องเบิกจ่ายงบประมาณ" ดังนั้นหากให้สรุปเบื้องต้นในตอนนี้คือ เงินที่เพิ่มมาจะยังไม่ได้ในรอบปฏิทินเดือนพฤษภาคม แต่ในส่วนของเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามหลักเกณฑ์เดิมนั้นยังคงได้รับตามปกติ
สำหรับไทม์ไลน์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 - กันยายน 2565)มีดังนี้
- เดือนตุลาคม 2564 โอนเข้าบัญชี วันศุกร์ ที่ 8 ตุลาคม 2564
- เดือนพฤศจิกายน 2564 โอนเข้าบัญชี วันพุธ ที่ 10 พฤศจิกายน 2564
- เดือนธันวาคม 2564 โอนเข้าบัญชี วันพฤหัส ที่ 9 ธันวาคม 2564
- เดือนมกราคม 2565 โอนเข้าบัญชี วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม 2565
- เดือนกุมภาพันธ์ 2565 โอนเข้าบัญชี วันพฤหัส ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
- เดือนมีนาคม 2565 โอนเข้าบัญชี วันพฤหัส ที่ 10 มีนาคม 2565
- เดือนเมษายน 2565 โอนเข้าบัญชี วันศุกร์ ที่ 8 เมษายน 2565
- เดือนพฤษภาคม 2565โอนเข้าบัญชี วันอังคาร ที่ 10 พฤษภาคม 2565
- เดือนมิถุนายน 2565โอนเข้าบัญชี วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน 2565
- เดือนกรกฎาคม 2565 โอนเข้าบัญชี วันศุกร์ 8 กรกฎาคม 2565
- เดือนสิงหาคม 2565 โอนเข้าบัญชี วันพุธ 10 สิงหาคม 2565
- เดือนกันยายน 2565 โอนเข้าบัญชี วันศุกร์ ที่ 9 กันยายน 2565
อนึ่ง ปี 2565 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ 12,249,848 คน (ข้อมูลจากกรมการปกครอง) โดยในจำนวนดังกล่าวมีผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 10,896,444 คน ซึ่งในจำนวนนี้ เมื่อแบ่งออกเป็นช่วงวัย จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อายุ 60-69 ปี
- มีจำนวนผู้สูงอายุ 6,471,205 คน ในกลุ่มนี้จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่ม 100 บาท โดยคาดการณ์ว่างบประมาณในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นจำนวน 3,882,723,000 บาท
อายุ 70-79 ปี
- มีจำนวนผู้สูงอายุ 3,012,407 คน ในกลุ่มนี้จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่ม 150 บาท โดยคาดการณ์ว่างบประมาณในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นจำนวน 2,711,166,300 บาท
อายุ 80-89 ปี
- มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,216,591 คน ในกลุ่มนี้จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่ม 200 บาท โดยคาดการณ์ว่างบประมาณในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นจำนวน 1,459,909,200 บาท
อายุ 90 ปีขึ้นไป
- มีจำนวนผู้สูงอายุ 196,241 คน ในกลุ่มนี้จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่ม 250 บาท โดยคาดการณ์ว่างบประมาณในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นจำนวน 294,361,500 บาท
ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยสมัครรับสิทธิดังกล่าว สามารถสมัครรับเบี้ยยังชีพได้ โดยจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- สัญชาติไทย
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ ,รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หลักฐานประกอบการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน(ที่เป็นปัจจุบัน)
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ / ผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ (สำหรับกรณีประสงค์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านทางธนาคาร)
ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนเองได้ สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำร้องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้
ช่องทางสมัครลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถติดต่อได้ที่
- กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ผู้สูงอายุมีภูมิลำเนา