รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
28 เมษายน 2565 ทะลุ 511 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 628,399 คน ตายเพิ่ม 2,569 คน รวมแล้วติดไปรวม 511,368,633 คน เสียชีวิตรวม 6,252,898 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน อิตาลี เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 78.94% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 68.78%
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็น 25.52% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 18.48%
สถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 26.31% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
หากดูจำนวนการติดเชื้อใหม่ต่อวัน รวม ATK ไทยเราจะติดอันดับ Top 10 ของโลกมาติดต่อกันยาวนานถึง 41 วันแล้ว
ส่วนจำนวนการเสียชีวิตต่อวันนั้น ติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่องมาแล้ว12 วัน
อัพเดตจากองค์การอนามัยโลก
รายงานล่าสุด WHO Weekly Epidemiological Update วันที่ 27 เมษายน 2565
Omicron (โอมิครอน)ยังครองการระบาดทั่วโลก โดยตรวจพบเป็นสัดส่วน 99.7%
WHO ระบุว่ากำลังเฝ้าติดตามสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ที่เกิดขึ้นของ Omicron ซึ่งข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5
และ BA.2.12 นั้นดูจะมีสมรรถนะในการแพร่ระบาดสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2 ที่เป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังมีจำกัด คาดว่าน่าจะมีความรุนแรงและลักษณะอาการต่างๆ ไม่ต่างจากเดิม
หากดูสถิติการรระบาดรายสัปดาห์ พบว่าทั่วโลกมีรายงานจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 21% และจำนวนการเสียชีวิตลดลง 20%
ดูที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีไทยอยู่นั้น พบว่าจำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 6% แต่จำนวนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 41%
สำหรับประเทศไทยเรานั้น หากดูจำนวนติดเชื้อใหม่ โดยรวม ATK จะพบว่าเพิ่มขึ้น 7.7% ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตก็ติดท็อปเท็นของโลกมาติดต่อกันถึง 12 วัน
สถานการณ์ระบาดจึงยังคงสวนกระแสโลก
การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ควรทำ
โควิด...ไม่ได้จบแค่หายหรือตาย แต่จะเกิด Long COVID ซึ่งทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน ความสัมพันธ์ และเป็นภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม
ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด